ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #249 : [NijiHai] Senkou

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 758
      50
      26 ก.ค. 62

    Title :   Senkou

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Nijimura x Haizaki

    Notes : มามั่วมาเต็ม MAX เช่นเดิม WWW

    .....................................................................................

    Senkou

     

    กลิ่นควันธูปนี่มาอีกแล้ว

    กลิ่นที่คุ้นเคย

    มันมาจากที่ใดกัน?...

     

     

     

     

     

    “…นี่มันบ้าที่สุดเลยเสียงพึมพำเบาๆ ดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผมสีดำคนหนึ่งเมื่อก้าวเข้ามาภายในสถานที่หนึ่งในบริเวณวัดอย่างเร่งรีบ สิ่งที่ปรากฏภายในดวงตาสีเดียวกับเรือนผมทำให้เด็กหนุ่มถึงกับสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ

    นี่มันเรื่องจริงสินะ?...

    มันช่างทำให้รู้สึกไม่ดีจริงๆ

    ทั้งกลิ่นและรูปตรงหน้านี่

    เขาไม่อยากรับรู้เลยจริงๆ ….

    เขาอยากให้มันเป็นเพียงความฝันจริงๆ

    เขาอยากให้เรื่องตรงหน้านี่เป็นเรื่องโกหก

    ถึงเขาเคยดุเรื่องที่หมอนั่นชอบโกหกก็ตาม

    แต่ว่าแค่เรื่องนี้เท่านั้น

    ขอให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหกที

    ไฮซากิไอ้เด็กบ้าเอ้ย

    ความคิดที่ตีไปมาในหัวของเด็กหนุ่มผมสีดำซึ่งได้แต่ยืนเหม่อมองภาพภายในห้องโถงซึ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้าภายในห้องที่ตั้งกล่องไม้ที่บรรจุร่างของคนคนหนึ่งและรูปของคนที่เขาคุ้นเคยเอาไว้

    ในยามนี้นิจิมุระ ชูโชวไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้ทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยแท้ๆไม่ควรเกิดขึ้นกับหมอนั่น ไม่ควรเกิดกับเด็กดื้อของเขา

    ไง นิจิมุระดีจังนะที่นายมาทันงานศพโชโงะน่ะเสียงทักทายเบาๆ ทำให้นิจิมุระที่เหม่อลอยอยู่ดึงสติกลับเข้าร่างได้และมองไปยังต้นเสียงหรือก็คือชายหนุ่มผมดำที่ดูราวจิ๋กโก๋คนหนึ่งที่เดินมาทักตน

    โชจิซัง…” นิจิมุระเอ่ยเสียงแผ่วเรียกชื่ออีกฝ่ายหรือคนที่โทรแจ้งข่าวเรื่องงานศพนี่กับเขาจนเขาถึงกับรีบเดินทางจากอเมริกามาญี่ปุ่นนี่ด้วยความที่หวังว่าข่าวที่ได้รับจะเป็นเรื่องเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเพียงเรื่องโกหกเท่านั้นถึงรู้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม “…ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ได้ครับ?”

    ไม่รู้และถ้ารู้สักนิดฉันคงไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอกโชจิส่ายหน้าไปมา ให้ตายเถอะไอ้น้องบ้านี่ทำไมถึงทำแบบนี้กัน?”

    “…” นิจิมุระนิ่งเงียบไปเขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากยอมรับกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะแม้แต่เขาเองยังไม่อยากเชื่อ

    ทำไมทำไมถึงฆ่าตัวตายกันนะ?” โชจิถามขึ้นมาเบาๆ

    ผมเองก็อยากรู้…” นิจิมุระเอ่ยเสียงแผ่วเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเมื่อรู้ว่าสาเหตุการตายของไฮซากิคือฆ่าตัวตายโดยการโดดลงมาจากดาดฟ้าของตึกร้างแห่งหนึ่งและเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อด้วย

    เพราะคนอย่างไฮซากิ โชโงะเขานึกสาเหตุไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมทำแบบนี้ ไฮซากิแม้มีปัญหาหรือมีเรื่องไปทั่วแต่ก็ไม่มีอะไรที่ส่อแววว่าจะฆ่าตัวตายได้เลยสักนิด

    นิจิมุระซัง…” ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังคุยกันด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

    หื้อ?” นิจิมุระหันไปมองต้นเสียงและพบกับเด็กหนุ่มผมแดงคนหนึ่งเดินมาทางตน อา ไงอาคาชิไม่เจอกันนานเลยนะ

    ครับ ไม่เจอกันนานเลยและคงดีกว่านี้หากไม่ใช่เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็กหนุ่มผมแดงอาคาชิ เซย์จูโร่เอ่ยขึ้นมา

    นั้นสินะนิจิมุระพยักหน้ารับมันคงดีกว่านี้จริงๆ หากเขากลับมาด้วยเหตุอื่นที่ไม่ใช่เรื่องนี้ กลับมาเร็วกว่านี้ กลับมาเพื่อห้ามไฮซากิได้

    ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงล่ะก็ได้โปรดเถอะ

    ช่วยย้อนคืนวันที่ไอ้เด็กเกเรหัวเทานั้นอยู่ข้างเขากลับมาที

    จะแลกด้วยอะไรก็ได้เพราะงั้นได้โปรด

                    ช่วยทำให้เขาสมปรารถนาทีเถอะ

    ช่วยทำให้ไฮซากิกลับมาหาเขาที

    นี่พวกนาย…” เสียงเรียกที่ดังมาจากผู้มาใหม่หรือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งที่เดินมาหาเด็กหนุ่มสองและชายหนุ่มอีกหนึ่งที่ยืนอยู่ด้วยกัน เรียกให้ทั้งสามหันไปมอง

    มีอะไรเคียว?” โชจิถามผู้มาใหม่

    มีเรื่องจะคุยด้วย มานี่หน่อยสิชายหนุ่มที่โดนเรียกว่าเคียวบู้ใบ้ไปด้านนอก นายหน้านกกับไอ้หัวแดงด้วย

    อื้ม / ครับโชจิ นิจิมุระและอาคาชิพยักหน้ารับและยอมตามคนผมน้ำตาลไปแต่โดยดี

    แค่นี้คงไม่มีใครมาได้ยินล่ะมั้งหลังจากที่เดินออกมาห่างจากห้องโถงที่ใช้จัดงานศพของไฮซากิ โชจิไกลพอสมควรและเป็นจุดที่ไม่มีคนแล้ว นายเคียวก็หยุดเดินแล้วหันมาเพื่อพูดคุยกับชายทั้งสามที่ตนลากตัวมา

    มีอะไรรีบพูดมา ใกล้เวลาพระสวดแล้วนะโชจิเอ่ยพลางมองนาฬิกาข้อมือของตน

    หน่วยพิสูจน์หลักฐานเจอนี่ซ่อนในหนังสือของน้องนายเคียวไม่พูดพล่ามทำเพลงแล้วเข้าประเด็นที่ตนลากสามหนุ่มมาที่นี่ทันที พลางหยิบซองพลาสติสใสที่มีตั๋วหนังใบหนึ่งอยู่ด้านในออกมา ฉันว่ามันแปลกๆ นะ

    อะไร?” โชจิถามห้วนๆ

    คนจะฆ่าตัวตายที่ไหนจองตั๋วหนังล่วงหน้าไว้ล่ะ? แถมเวลาพิมพ์แค่หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุด้วยเคียวเอ่ย

    “…หมายความว่าไง?” โชจินิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาเมื่อนึกตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วมันก็เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ นั้นแหละ แถมตั๋วหนังที่เคียวเอามาให้ดูนี่เป็นเรื่องโปรดของน้องเขาชนิดที่ว่ามีฉายเมื่อไหร่ หากไม่ใช่วันแข่งกับวันสอบก็จะทิ้งนัดทุกอย่างเพื่อไปดูเลยด้วยซ้ำแล้วแบบนี้น้องเขาจะฆ่าตัวตายก่อนวันฉายทำไม?

    เป็นไปได้สองทางเคียวชูนิ้วออกมาสองนิ้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่อุบัติเหตุก็ฆาตกรรม

    “…” โชจินิ่งเงียบไปคล้ายตนสติหลุดและคงสติหลุดไปจริงๆ หากนิจิมุระไม่ช่วยเขย่าตัวเรียกสติของชายหนุ่มกลับเข้าร่างมา มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมที่เจอ?”

    อื้ม นอกจากนี้ฉันเจอสองอย่างนี้ในที่เกิดเหตุเคียวหยิบซองพลาสติสใสอีกสองซองออกมาซองหนึ่งใส่จดหมายที่พิมพ์ข้อความนัดเวลาและสถานที่ ซองหนึ่งเป็นรูปถ่ายของเด็กหนุ่มสองคนที่ท่าทางเหมือนเด็กเกเรยืนกอดคอกันอยู่ในชุดโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคและที่สำคัญหนึ่งในสองคนนั้นคือเด็กหนุ่มผมเทาที่ทั้งสามรู้จักดี เห็นว่าพวกนายเคยเป็นกัปตันในสมัยม.ต้นของไฮซากิ โชโงะเลยอยากถามว่าเคยเห็นคนในรูปไหม?”

    ไม่ครับอาคาชิมองภาพที่ไฮซากิในสมัยต้นยืนกอดคอกับเด็กหนุ่มอีกคนที่ทำผมเป็นหนามแหลมขึ้นมาราวกับสว่านแถมยังทำสีเขียวสะท้อนแสงได้แต่ส่ายหน้าวืดเขาไม่เคยเห็นคนที่อยู่ข้างๆ ไฮซากิในรูปนี่เลยแม้แต่น้อย และเล่นเด่นขนาดนี้หากเจอสักครั้งเขาคงไม่มีทางลืมง่ายๆ แน่

    เคย…” นิจิมุระเอ่ยตอบไปเบาๆ พลางมองรูปในมืออีกฝ่ายตาเขม่ง

    ใคร!?” พอได้ยินแบบนี้โชจิถึงกับเขย่าตัวนิจิมุระอย่างร้อนใจทันทีต่อให้เป็นเรื่องอะไรก็ตามที่อาจเชื่อมโยงกับสาเหตุการตายของน้องเขา เขาก็อยากที่จะรู้ให้มากที่สุดว่าอะไรกันแน่ที่พรากไอ้น้องสุดแสบของเขาไป!!!

    เฮ้ย! ใจเย็นก่อนสิวะโชจิ!เคียวดึงคอเสื้อโชจิแล้วลากออกมาห่างๆ นิจิมุระก่อนที่จะโดนเขย่าจนมึนหัวตาย

    ใครมันจะใจเย็นได้วะ!?” โชจิค้อนใส่คนที่ห้ามตน

    แต่ถ้าไม่ใจเย็นนายหน้านกนี่ก็ตอบนายไม่ได้นะเออ!!!เคียวเอ่ยเตือนสติของโชจิ

    “…” โชจิที่พอได้ยินแบบนี้ก็เริ่มสงบสติอารมณ์ตัวเองลงได้เล็กน้อย ย้ำ ว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    “…นิจิมุระซังคุณเคยเห็นคนคนนี้เหรอครับ? พอทราบไหมครับว่าเขาเป็นใคร?” อาคาชิที่มีสติดีที่สุดเอ่ยถามอดีตรุ่นพี่ตนก่อนที่โชจิจะคลั่งอีกรอบ

    อื้มนิจิมุนะพยักหน้ารับ หมอนี่เป็นแฟนเก่าไฮซากิน่ะ

    ห๊า!??” แต่ละคนเมื่อได้ยินดังนี้ต่างอุทานลั่น

    แล้วทำไมสองคนนี่ถึงติดต่อกันล่ะ?” โชจิที่รู้นิสัยน้องตัวเองขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนิสัยอย่างโชโงะน่ะไม่มีทางที่จะยอมติดต่อแฟนเก่าตัวเองแน่

    ไม่ทราบครับ แต่ที่แน่ๆ คือนิสัยอย่างไฮซากิไม่มีทางยอมคืนดีกับแฟนเก่าตัวเองง่ายๆ แน่ยิ่งจบไม่สวยด้วยเนี่ยนิจุมุระส่ายหน้าไปมาพลางเอ่ยราวรู้ในความคิดของโชจิ

    จบไม่สวย?” โชจิทวนขึ้นมาเบาๆ

    ครับผมไม่รู้รายละเอียดมากนักเหมือนกัน ที่เหลือคงต้องถามคิเสะเอานิจิมุระเกาหัวตัวเองนิดๆ ไอ้ที่เขารู้เนี่ยเขารู้มาจากคิเสะทั้งนั้น เพราะมีครั้งหนึ่งเห็นไฮซากิกำลังเผารูปไอ้หัวสว่านนั้น (?) พร้อมเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งอีกต่างหาก เขาเลยสงสัยแล้วเอารูปที่หลุดรอดจากการโดนเผาสาปแช่งไปถามกับคิเสะเอา

    “…งั้นหลังเลิกงานเราลากหมอนั่นมาถามกันเคียวเอ่ยสรุปสั้นๆ

    อื้มโชจิพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนที่จะลากทั้งหมู่กลับไปที่งานศพอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกห้านาทีพระก็จะมาสวดแล้ว

     

     

     

     

     

    “…ที่ว่ามาพูดจริงเหรอครับ?” เสียงถามอย่างไม่อยากเชื่อดังขึ้นมาจากเด็กหนุ่มผมสีเหลืองที่อยู่ๆ หลังจากงานศพเพื่อนตัวเองของวันนี้จบลงก็โดนเด็กหนุ่มสองชายหนุ่มสองลากมานั่งในคาเฟ่แห่งหนึ่งแล้วยื่นรูปหนึ่งให้ตนดูพร้อมกับบอกเล่าสาเหตุที่ลากตนมาเช่นนี้

    จริงไฮซากิอาจไม่ได้ฆ่าตัวตายนิจิมุรเอ่ยเสียงเข้ม นายพอรู้เรื่องของหมอนี่ไหม?”

    ครับหมอนี่ชื่อคุโซ ทามะเป็นคนที่เรียกได้ว่าเลวร้ายกว่าโชโงะคุงหลายขุมเลยเมื่อเห็นว่ามันเกี่ยวกับเพื่อนตนผู้ล่วงลับ คิเสะ เรียวตะซึ่งนับว่าเป็นคนที่สนิทกับไฮซากิที่สุดก็ยอมบอกแต่โดยดี และอย่างที่รู้ว่าหมอนี่เป็นแฟนเก่าโชโงะคุงที่จบกันไม่สวยเท่าไหร่น่ะครับ

    ไอ้จบไม่สวยที่ว่านี่คือ?” นิจิมุระถามต่อ

    หมอนี่คุโซคบซ้อนครับ พร้อมกันห้าคนเลยคิเสะเบ้หน้าน้อยๆ เหมือนไม่อยากพูดเท่าไหร่นักเอาตามจริง เขาไม่ชอบการกระทำนี่ขอคุโซเท่าไหร่หรอกเพราะหมอนั้นเป็นพวกพอเบื่อก็จะเขี่ยทิ้งแบบไม่สนใจอีกฝ่ายเลย ถึงแม้เพื่อนหัวเทาของเขาก็มีพฤติกรรมคล้ายๆ กันก็เถอะ แต่อย่างน้อยรายนั้นก็คบทีละคนล่ะนะ โชโงะคุงทนไม่ไหวเลยขอเลิกครับ แต่ที่จริงหมอนั้นไม่ยอมเลิกหรอก

    เดี๋ยวนะเรียวตะ ไม่ยอมเลิกเหรอ?” อาคาชิถามเสียงเข้มราวกับทำกำลังทำหน้าที่ตำรวจสอบปากคำพยานอยู่

    อื้ม เห็นว่าไม่ยอมเลิกน่ะแต่โชโงะคุงอัดรายนั้นแล้วบังคับให้เลิกน่ะคิเสะเกาหัวนิดๆที่จริงตอนนั้นเขาไปช่วยโชโงะคุงอัดเลยด้วยซ้ำ เพราะเหลือทนกับการกระทำและคำพูดรายนั้นเหมือนกัน

    แล้วนายคิดว่าโชโงะมันจะยอมติดต่อแฟนเก่าไหม?” โชจิถึงแม้มั่นใจว่าน้องตนไม่มีทางยอมติดต่อกับคนที่เคยทำตัวเองเจ็บง่ายๆ แต่ก็ยังอยากได้คำยืนยันว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นถูกต้อง

    ไม่มีทางคิเสะส่ายหน้าวืดทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย

    เราได้เบาะแสเพิ่มล่ะเคียวที่จดลายละเอียดใหม่ที่ได้มาจากคิเสะลงสมุดอย่างครบถ้วนเอ่ยขึ้น พรุ่งนี้หลังเผาเราไปที่บ้านหมอนั้นกันไหม? เดี๋ยวฉันหาที่อยู่ให้

    ไปโชจิ นิจิมุระและอาคาชิตอบอย่างพร้อมเพรียง

    ผมไปด้วยสิคิเสะเอ่ยขึ้นมาอีกคน

    นายติดถ่ายแบบไม่ใช่เหรอ?” อาคาชิถามกลับจำได้ว่าก่อนหน้านี้คิเสะบ่นอยู่ว่ามีงานถ่ายแบบในวันเผาของไฮซากิพอดี และเห็นบอกว่าจะโดดสักครึ่งวันเพื่อไปร่วมงานเผานิ?

    โดดเอาสิ เรื่องโชโงะคุงสำคัญกว่าคิเสะยักไหล่น้อยๆกะโดดครึ่งวันอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนเป็นโดดเต็มวันจะเป็นไรไป? ยังไงก็โดนบ่นอยู่แล้ว

    โอเค ตกลงตามนี่เคียวที่ไม่คิดห้ามหรืออะไรอยู่แล้วเพราะเป็นคนถามเองเอ่ย

    งั้นตอนนี้แยกย้ายโชจิมองนาฬิกาพลางโบกมือไล่เด็กหนุ่มทั้งสามเป็นเชิงบอกว่าให้กลับบ้านใครบ้านมันได้แล้ว

    อื้ม / ครับแต่ละคนรวมนายเคียวไปด้วยต่างขานรับพลางลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วไปจ่ายค่าเครื่องดื่มที่ตนกินไป

    อ๋อ และก็นะ…” ระหว่างที่เดินไปจ่ายเงินนั้น โชจิที่แอบเนียนเข้าใกล้นิจิมุระก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “…อย่าทำอะไรโง่ๆ ล่ะนิจิมุระ สูญเสียเท่านี้ก็เกินพอแล้ว

    ผมไม่ทำงั้นหรอกครับ พอดีไม่อยากโดนไฮซากิงอนข้ามชาตินิจิมุระพูดอย่างติดตลกเล็กน้อย

    ก็ดีโชจิพยักหน้ารับถึงเขาไม่รู้ว่าคำพูดของเขาจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็คงพอเตือนสติได้บ้างล่ะ เขาไม่คิดว่าการที่สูญเสีย แฟนตัวเองไปแบบกะทันหันแบบนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำใจได้ง่ายๆ หรอก แม้นิจิมุระพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเพื่อไม่ให้เหล่ารุ่นน้องตัวเองเป็นห่วงแค่ไหนก็ตาม

    “…” นิจิมุระทำเพียงส่งยิ้มให้โชจิเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปจ่ายเงินและพากันออกจากร้านแล้วพากันแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันไปทว่านิจิมุระกลับไม่ได้เดินทางกลับบ้านหรือที่พักแบบคนอื่นอย่างที่โชจิบอกไว้ แล้วเดินเอื่อยๆ ไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยาวในสตีทบาสอันไร้ผู้คนแทน เฮ้อทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นด้วย?”

    ทำไมต้องเป็นไฮซากิด้วย?...

    ถ้าฉันอยู่ข้างๆ นายมันคงดีกว่านี้…” นิจิมุระบ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆ แล้วปล่อยอารมณ์ของตนเองออกมาอย่างไม่มีการอดกลั้นก่อนหน้านี้ หยาดน้ำสีใสไหลรินออกมาจากดวงตาอย่างไม่ขาดสาย ไฮซากิ…”

    หากเขาอยู่ด้วยคงช่วยนายได้มากกว่านี้

    นิจิมุระซัง…”

    “!?” เสียงอันคุ้นหูที่อยู่ๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้นิจิมุระสะดุ้งเฮือกแล้วรับหันไปมองยังต้นเสียงอย่างรวดเร็วแต่ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น หูแว่วเหรอ…”

    เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงไฮซากิเลย

    แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกเนอะนิจิมุระถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วนั่งปล่อยให้เวลาที่ผ่านเลยไปช่วยบรรเทาความโศกเศร้าของตกลงแค่เพียงเล็กน้อยก็ยังดี จนเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงนิจิมุระจึงยอมลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินไปหาที่พักเพื่อพักผ่อนและเตรียมพร้อมร่ำลาคนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งแน่นอนเขาไม่อยากเป็นลมหรืออะไรในงานเพราะนอนน้อยหรอกนะ

    วันถัดมา นิจิมุระตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปงานศพในวันเผานี่และไปถึงที่งานก่อนคนอื่นเพราะอยากอยู่กับคนรักตนที่จากไปให้นานที่สุดก่อนที่จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกตลอดกาลและเมื่อถึงเวลาเผาเขาจำต้องเข้มแข็งให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ใครต้องมาเป็นห่วงหรือกังวลใจไปมากกว่านี้

    เมื่องานศพลงจบแล้ว ทุกอย่างคุณนายไฮซากิผู้สูญเสียลูกชายคนเล็กของตนเองไปและรับรู้สิ่งที่ลูกชายคนโตตนตั้งใจจะทำต่อจากนี้ก็อาสาจัดการที่เหลือต่อเองและทำการไล่โชจิไปจัดการเรื่องค้างคาใจของเจ้าตัวและตัวเธอเองให้เสร็จสิ้นไป ทางโชจิที่รู้จุดประสงค์ของมารดาตนก็พยักหน้ารับแล้วทำการเดินทางไปจุดหมายต่อไปพร้อมกับเด็กหนุ่มอีกสามคนโดยมีเคียวเป็นคนนำทาง

    ที่นี่สินะ?” พอมาถึงที่หมาย นายไฮซากิ โชจิก็มองสถานที่ที่นายฟุริฮาตะ เคียวพามาตรงหน้าด้วยสายตาน่ากลัวสถานที่ที่เป็นที่อยู่ของอดีตคนรักของน้องเขาและอาจมีส่วนในการตายของน้องเขาด้วยเช่นกัน

    แล้วจะเข้าไปยังไงล่ะครับ?” คิเสะที่ตามมาด้วยถามขึ้นมาถึงรู้ที่อยู่และมาถึงยังจุดหมายได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะหาทางเข้าไปได้ง่ายๆ นิ

    เข้าตรงๆ นี่แหละเคียวตอบกลับไปง่ายๆ สั้นๆ

    แล้วเขาจะให้เข้าเหรอครับ?” คิเสะถามต่อจะให้ไปเคาะประตูบ้านคนอื่นดื้อๆ แล้วขอเข้าไปหาลูกชายเขาเนี่ยนะ? หากมีแค่คนรุ่นเดียวกันอย่างเขานี่พออ้างว่าเป็นเพื่อนได้ แต่นี่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วยตั้งสองคนนะ จะหาข้ออ้างไหนเนี่ย?

    ให้เข้าสิเห็นงี้ฉันเป็นตำรวจนะ พอหาขออ้างเข้าไปคุยได้อยู่น่าเคียวที่เพิ่งนึกได้ว่าคิเสะเป็คนเดียวที่ไม่รู้หรือไม่อาจเดาได้ว่าตนประกอบอาชีพอะไรเอ่ยเพื่อยุติคำถามของอีกฝ่ายลง

    อ๋อทางนายแบบหนุ่มเมื่อได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้ารับแล้วยอมหยุดถามแต่โดยดี ทางเคียวเมื่อเห็นว่าคิเสะหมดข้อสงสัยแล้วจึงทำการเดินไปยังหน้าบ้านเป้าหมายและกดกริ่งเรียกทันทีอย่างไม่รีรอ

    กิ๋งก๊อง

    ค่าาาาาาเสียงของหญิงคนหนึ่งดังขานรับขึ้นมา และไม่นานเกินรอหลังจากนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งมาเปิดประตูให้แล้วมองผู้มาเยือนอย่างงุนงง มาหาใครคะ?”

    สวัสดีครับคุณนาย ผมฟุริฮาตะ เคียวจากกรมตำรวจครับเคียวส่งยิ้มร่าให้อีกฝ่ายพลางเอ่ยอย่างน่าเชื่อถือสมกับอาชีพของตนต่างจากท่าทีบ้าๆ บอๆ ยามปกติ (เดี๋ยวๆ บรรยายฉันดีๆ หน่อยสิ อุตสาห์ได้เท่ทั้งที // เคียว , เรื่องสิ แบบนั้นก็ไม่สนุกเราอ่ะสิ // S) “ผมมีเรื่องจะสอบถามคุโซ ทามะลูกชายคุณสักหน่อย ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมครับ?”

    เฮ้อ ไอ้ลูกตัวดีไปก่อเรื่องมาอีกแล้วสินะหญิงวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางเอ่ยประโยคที่บ่งบอกว่าเคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาลูกชายตนหลายคราแล้วออกมาโดยไม่ติดใจสงสัยว่าทำไมถึงมีเด็กมัธยมปลายมาด้วยหรือไม่ก็อาจไม่รู้ว่ามีเด็กหนุ่มสามคนอยู่ในกลุ่มเคียวด้วยซ้ำ เพราะทั้งสามนั้นต่างอยู่ในชุดสุภาพเนื่องจากเพิ่มกลับจากงานศพกันมาก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นด้วยประการใดมันก็ทำให้หญิงเจ้าของบ้านนั้นยอมให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่อย่างเคียวเป็นอย่างดี อยู่ค่ะ แต่ช่วงนี้ทามะเป็นอะไรไม่รู้เอาแต่คลุมโปงอยู่ในห้อง หากสอบถามอะไรอาจคุยยากนิดหน่อยนะคะ

    ไม่เป็นไรครับเพราะงั้นขอพบเขาได้ไหมครับ?” เคียวเอ่ยอย่างเป็นมิตรเพื่อสร้างความไว้วางใจให้อีกฝ่าย

    ได้ค่ะ เชิญตามเข้ามาเลยค่ะหญิงวัยกลางคนเอ่ยก่อนที่จะเดินนำเหล่าหนุ่มๆ ทั้งหลายไปยังชั้นสองของบ้านก่อนที่จะหยุดหน้าประตูบ้านหนึ่ง ทามะ นี่แม่เองนะขอเข้าไปนะลูก

    แอ๊ด

    คุณนายคุโซเอ่ยเรียกลูกชายตนแค่เพียงครั้งเดียวก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปภายในห้องเสียดื้อๆ เผยให้เห็นห้องที่ออกแนวรกๆ ตามประสาวัยรุ่นผู้ชายทั่วๆ ไป โดยที่บนเตียงนั้นมีร่างหนึ่งขดเป็นก้อนกลมอยู่ในผ้าห่มตัวสั่นงกๆ อย่างน่าแปลกใจ ทามะ คุณตำรวจเขาอยากคุยกับลูกแหน่ะ ลุกขึ้นหน่อย

    “!?” พอได้ยินคำพูดจากมารดาตน ร่างบนเตียงก็รีบลุกพรวดขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าหากลุ่มพวกเคียวทันที คุณตำรวจครับช่วยด้วย! ช่วยจับผมที!!!

    เอ๊ะ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็หลุดเหวอกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะ

    เออเดี๋ยวนะ ฉันไม่ใช่…” …โชจิที่โดนเด็กหนุ่มที่ทำผมราวเอาสว่านติดหัวโดดมาเกาะหน้าตาเขาปานจิ๋กโก๋แบบนี้ดูยังไงว่าเป็นตำรวจฟะ!?

    เดี๋ยวๆ ตำรวจน่ะฉัน ส่วนนั้นพี่ชายผู้เสียหาย…” เคียวที่โดนมองข้ามหัวเสียดื้อๆ สะกิดทามะเล็กน้อยถึงมาดเขาไม่ให้เป็นตำรวจก็เถอะ แต่โชจิดูเหมือนตำรวจกว่าเขาตรงไหนล่ะนั้น?

    ยังไงก็ช่าง! ช่วยจับผมไปที!!!ทามะเอ่ยอย่างน่าสงสารก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกแล้วรีบถอนห่างจากโชจิราวโดนของร้อนด้วยท่าทางเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง อ๊ากกกก!!! ฉันขอโทษ! ไฮซากิ! ฉันขอโทษ!!!

    “…ไม่มีวันอภัยหรอก ที่ผลัก

    เฮือก!นิจิมุระที่มองภาพตรงหน้าพลางคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเสียสติไปแล้วหรือเปล่านั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นธูปที่ลอยมาอย่างแผ่วเบาในอากาศ

    เป็นอะไรไปนิจิมุระซัง?” อาคาชิที่สังเกตถึงท่าทางผิดปกติของรุ่นพี่ตนเอ่ยถามขึ้น

    เหมือนได้ยินเสียงแว่วๆ …” นิจิมุระเลือกที่จะบอกตามตรงเนื่องจากรู้ดีว่าไม่สามารถโกหกอาคาชิได้ “…และกลิ่นธูปกลิ่นเดียวกับในงานศพของไฮซากิ

    เฮ้ยๆ ถึงฉันเป็นตำรวจและเกินคนไปไกลก็ใช่ว่าฉันจัดการผีได้นะเฮ้ยเคียวถึงแม้จะไม่กลัวผีและเกินคนนิดๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะจัดการกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้หรอก

    ไอ้บ้า! อย่าพูดถึงน้องฉันอย่างนั้นนะเฟ้ย!โชจิเตะแข้งเคียวไปหนึ่งทีข้อหาพูดจาไม่เข้าหูตน

    อุ๊ย! ขอโทษจ้า!เคียวที่ไม่ค่อยได้รับผลจากแรงเตะนี่นักเพราะถึก (?) หง่อยลงเล็กน้อยด้วยความที่กลัวโดนเมียงอน (?)

    เออ เลิกเล่นก่อนเถอะครับคิเสะที่เห็นว่าแต่ละคนเริ่มออกนอกเรื่องกันแล้วเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้ทามะ นี่คุโซนายจำฉันได้ไหม?”

    คิเสะ!?” คุโซ ทามะที่เห็นหน้าตาของคนที่ตนรู้จักรีบรุกเข้าหาทันที คิเสะ! นายสนิทกับไฮซากิที่สุดเพราะงั้นช่วยบอกให้ไฮซากิหยุดที!!! ฉันไม่ไหวแล้ว!

    แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ!?” คิเสะตวาดลั่นอย่างหัวเสีย

    ฉันไม่ได้ตั้งใจฉันไม่ได้ตั้งใจ!!!!ทามะเอ่ยพำพึมไปมา ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้ไฮซากิตกลงไป!!!

    หมายความว่าไงห๊า!?” โชจิคิ้วกระตุกยิกๆ ด้วยความรู้สึกที่อยากกระชากคออีกฝ่ายมาเต้นคอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

    เย็นไว้พวก เย็นไว้เคียวที่ราวกับรู้ความคิดของเพื่อนตนรีบจับคอเสื้อโชจิไว้ก่อนที่จะพุ่งไปอัดใครเข้าจริงๆ

    “…ที่ว่าตกลงไปหมายความว่าไง? ลูกทำอะไรลงไปน่ะ?” หญิงวัยกลางคนถามขึ้นมาอย่างนึกสงสัยในคำพูดของลูกชายตน

    ผมทำคนตายแม่! ผมฆ่าคน! ถึงมันเป็นอุบัติเหตุแต่ก็เป็นเพราะผม! และไฮซากิไม่อภัยผม!คำพูดที่หลุดออกมาจากปากทามะทำให้ผู้เป็นมารดาถึงกับแข็งทื่อราวโดนสาปเป็นหิน

    ก็อธิบายมาทีสิ!!!คิเสะที่หมดความอดทนเหมือนกันกระชากคอเสื้อคนที่ดูราวเสียสติในยามนี้ นายทำอะไรโชโงะคุงกันแน่!? ทำไมโชโงะคุงถึงตาย! และทำไมนายไม่แม้แต่เรียกคนมาช่วยตอนโชโงะคุงตกลงไปห๊า!? ตอบมาเซ่!

    เรียวตะ ใจเย็นอาคาชิที่มีสติมากที่สุดเอ่ยขึ้นมาเสียงเย็น

    แต่!!!คิเสะทำท่าจะเถียงกลับ แต่ก็ชะงักไปเมื่อเห็นสายตาของคนผมแดงที่เต็มไปด้วยความโกรธไม่ต่างจากตน แต่ยังพยายามอดกลั้นไว้

    และหากระเบิดออกมาเมื่อไหร่หายนะบังเกิดแน่ ซึ่งแน่นอนว่าคิเสะไม่อยากไม่เป็นคนไปสะกิดระเบิดเข้าเลยยอมสงบสติอารมณ์ของตนแต่โดยดี

    ถ้ายังโวยวายแบบนี้หมอนี่ก็ตอบอะไรไม่ได้สิอาคาชิเหล่มองคนที่ราวกับเสียสติก่อนที่จะบู้ใบ้ไปทางนายตำรวจเพียงคนเดียวในที่นี่ และคนเรื่องนี้ให้เคียวซังจัดการเถอะ อย่างน้อยเป็นตำรวจคงเคยรับมือกับเหตุการณ์นี้บ้างแหละ

    จะผิดไหมหากบอกว่าส่วนใหญ่ไอ้เซย์เพื่อนฉันเป็นคนทำหน้าที่นี้?” เคียวส่งยิ้มแห้งๆ ให้ปกติหน้าที่สอบปากคำเนี่ย คนอื่นๆ ในสถานีไม่ค่อยยอมให้เขาทำหรอก เพราะกลัวจะไปทำให้ใครเขาปวดจิตตายเข้า

    แล้วไม่เคยสอบปากคำเลยหรือไงครับ?” อาคาชิถามกลับ

    ก็เคยก่อนย้ายมาที่นี่เคียวตอบกลับไป

    ถ้างั้นก็สอบถามไปครับอาคาชิเอ่ยหน้าตาเฉยเล่นซะเคียวเริ่มสงสัยว่าตกลงตนหรืออีกฝ่ายกันแน่ที่อายุมากกว่า

    “…” นิจิมุระที่นิ่งเงียบมาตลอดมองภาพความวุ่นวายก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเอ่ยปากออกมา “…นี่ช่วยบอกมทีเถอะ ทำไมนายถึงผลักไฮซากิลงไป?”

    ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!!ทามะตะโกนขึ้้นมาเสียงดังจนทั้งห้องสะดุ้งโหยง

    ถึงฉันไม่รู้ว่าหลอนเองหรือเปล่า แต่เหมือนฉันได้ยินเสียงไฮซากิบอกว่า ‘…ไม่มีวันอภัยหรอก ที่ผลักนะนิจิมุระถึงแม้ไม่รู้ว่าหลอนไปเองหรือเปล่า แต่ก็ลองที่จะเอ่ยถึงสิ่งที่ตนได้ยินไปเผื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมสารภาพหรืออะไรออกมาบ้าง

    นายได้ยิน! ได้ยินเหมือนกัน!คราวนี้ทามะพุ่งมาตะคุบตัวนิจิมุระทันทีพร้อมกับคำพูดที่บ่งบอกว่าคำพูดของนิจิมุระนั้นเหมือนกับที่ทามะได้ยิน เพราะงั้นช่วยหยุดที!!!

    ถ้านายยอมเล่าเรื่องทั้งหมดมาอาจทำให้ไฮซากิหยุดก็ได้นิจิมุระเอ่ยเหมือนคำพูดจะเหมือนกำลังหลอกเด็กไปหน่อย แต่ถ้ามันทำให้เขารู้ความจริงทั้งหมดได้มันก็น่าลองเสี่ยงดูสักตั้ง

    ได้! ฉันจะเล่า!พอได้ยินแบบนี้ทามะก็รีบเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน เคียวเองก็เตรียมเครื่องบันทึกเสียงมาบันทึกคำบอกเล่าของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน

    สรุปนายเรียกโชโงะไปที่นั้นโดยการข่มขู่เล็กน้อย เพื่อที่จะขอคืนดีสินะ?” หลังจากที่ฟังเรื่องราวที่เล่าละเอียดจนแทบเห็นภาพได้ เคียวก็เอ่ยสรุปออกมาง่ายๆ สั้นๆ แล้วทีงี้โชโงะไม่ยอมคืนดีด้วยเลยเกิดการเถียงกัน และนายก็เลยผลักโชโงะไปด้วยความโกรธแล้วบังเอิญตรงนั้นเป็นประตูไว้สำหรับพนักงานทำความสะอาดเปิดออกไปเพื่อติดตั้งนั่งล้างทำความสะอาดหน้าต่างพอดีด้วยความที่ที่นั้นถูกทิ้งร้างไว้นานประตูเลยเกิดสนิทแล้วหลุดเปิดออกจากที่นายผลักโชโงะไปจนหมอนั้นตกลงไปสินะ? และพอลงไปดูก็พบว่าโชโงะตายแล้วเลยหนีไปสินะ?”

    ครับ…” ทามะที่สงบสติอารมณ์ลงได้หลังจากทีเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาพยักหน้ารับ

    นี่คือทั้งหมดใช่ไหม?” เคียวถมต่อ ทางทามะเองก็พยักหน้ารับอีกระรอบ

    ไม่โกหก…”

    อึก!นิจิมุระสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆ ได้ยินเสียงผู้ล่วงลับไปอีกครั้งพร้อมกับกลิ่นที่ลอยมาเช่นเดิม

    เป็นอะไรอีกล่ะ?” โชจิหันไปมองนิจิมุระที่อยู่ๆ สะดุ้งซะงั้น

    ได้ยินเสียงอีกแล้วสินะครับ?” อาคาชิเอ่ยขึ้นถึงเขาไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ แต่จากคำพูดของรุ่นพี่เขา เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกหรือหลอนไปเองแน่

    อื้มจนเริ่มไม่รู้แล้วว่าฉันหลอนไปเองหรือเปล่านิจิมุระถอนหายใจออกมาเบาๆ

    แล้วเสียงนั้นบอกว่า?” โชจิถามต่อจากเมื่อกี้ที่ทำให้ไอ้หัวสว่านนี่สารภาพออกมาได้แล้ว คราวนี้อาจเป็นเรื่องสำคัญอีกก็ได้

    ไม่กับโกหกนิจิมุระเอ่ยสิ่งที่ตนได้ยินและคำพูดนั้นทำให้ทามะสะดุ้งเฮือก

    สะดุ้งแบบนี้ชัดเจนคิเสะกรอกตาไปมา

    เอาให้หมดๆ ซะเคียวเอ่ยในเชิงข่มขู่เล็กน้อยที่จริงไม่อยากเล่นบทโหดหรอกนะ แต่ถ้าไม่ทำ มีแววโชจิได้ตื้บหมอนี่ตายก่อนที่เขาจะได้สอบถามหรืออะไรเพิ่มเติมเพื่อปิดคดีให้ถูกต้องจริงๆ น่ะสิ!!!

    คือหลังไฮซากิตกลงไปจริง ไฮซากิยังไม่ตายทามะเอ่ยเสียงแผ่ว

    แล้วทำไมไม่ตามคนมาช่วยวะ!?” โชจิแว๊ดลั่นด้วยความโกรธที่ยากจะห้ามหากมันไปหาคนมาช่วยอย่างน้อยน้องเขาอาจจะรอด และถึงจะไม่รอดมันก็ถือว่าเป็นโชคร้ายเท่านั้น แต่นี้มันปล่อยน้องเขารอความตายเฉยๆ! จะไม่ให้โกรธได้ไงวะ!?

    โชจิฉันรู้ว่านายโกรธนะ แต่ช่วยใจเย็นทีเถอะ แบบนี้ฉันทำงานไม่สะดวกนะเคียวเอ่ยปรามเพื่อนตน

    ชิ!โชจิเบ้หน้าน้อยๆ อย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ว่าอะไรและยอมสงบอารมณ์ของตนลงเพื่อให้เคียวสามารถทำหน้าที่ตัวเองได้

    ทำไมตอนนั้นายไม่เรียกใครมาช่วยพอโชจิอยู่เงียบๆ เคียวก็เริ่มทำการสอบปากคำต่อ

    ฉันกลัวกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เลย…” ทามะพอโดนถามก็เอ่ยตอบกลับมาเสียงแผ่ว

    โอเค พอเข้าใจล่ะเคียวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะมีหลายคราวเหมือนกันที่ผู้ต้องหากระทำเช่นนี้ด้วยความกลัว แล้วหลังจากนั้น?”

    หนีกลับมาบ้านและโดนไฮซากิตามหลอกหลอนทามะเอ่ยต่อเสียงสั่นๆ

    ไม่ขำนะเฟ้ยโชจิแยกเขี้ยวใส่ไอ้การว่าน้องเขาเป็นเหมือนวิญญาณอาฆาตนี่ยังไงก็อดปริ๊ดไม่ได้จริงๆ

    ผมพูดจริงนะ!!!ทามะเอ่ยยืนยันในสิ่งที่ตนพูด ไฮซากิมาในสภาพเดียวกับตอนตายทุกวันๆ จนผมจะสติแตกแล้ว!!! เอาแต่พูดว่าไม่ให้อภัยกับเจ็บ! ขอร้อง! ช่วยด้วย! ไม่ไหวแล้ว!!!

    “…ฉันว่าสภาพนี้ก่อนสอบปากคำเพิ่มเติม คงต้องพาไปโรงพยาบาลก่อนล่ะเคียวได้แต่ถอนหายใจด้วยความปลงนี่บาปกรรมจากการที่เขาป่วนคนอื่นไว้เยอะหรือไง? วันนี้ถึงต้องมาทั้งพยายามปลามเพื่อนตัวเองไม่ให้ตื้บคน ทั้งต้องมาสอบปากคำคนที่จับไข้หัวโกร๋นแบบนี้เนี่ย

    พาผมไปด้วยก็ดีนะรู้สึกว่าเหมือนเพี้ยนตามแล้วที่ได้ยินเหมือนกันเนี่ยนิจิมุระที่รู้สึกว่าไม่ต่างจากคนที่กำลังคลังพยายามขอให้จับตัวเองเข้าคุกเท่าไร่นักเอ่ยขึ้น

    ผมอยู่นี่จริงๆ นะ…”

    “!?” นิจิมุระสะดุ้งเฮือกกับเสียงและกลิ่นที่มาแบบเดิมเป๊ะๆ จนชวนหลอนนิดๆและเจ้าตัวคงรู้สึกกลัวจริงๆ กับสิ่งลี้ลับแบบนี้ หากไม่ติดว่าเสียงนี่เป็นของคนรักตนที่จากไป แถมเสียงยังออกไปทางน้อยใจนิดๆ ด้วย

    คราวนี้อะไรครับ?” อาคาชิที่เป็นคนที่สังเกตเห็นความผิดปกติอีกตามเคยถาม

    คราวนี้ได้ยินว่า…” นิจิมุระกำลังจะเอ่ยปากตอบเด็กหนุ่มผมแดงกลับไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคพูดแสนเบาบางที่ลอยมาในอากาศ

    ผมอยู่ตรงนี้จริงๆ นะผมอยู่ตรงนี่ เห็นผมทีนิจิมุระซังอึก…”

    “…” พอได้ยินเสียงปนสะอื้นของคนที่ตนรัก นิจิมุระก็ถึงกับพูดอะไรต่อไม่ออกและรู้สึกผิดกับผู้ล่วงลับไปเนื่องจากดูท่าที่อีกฝ่ายร้องไห้จะเป็นเพราะตนเสียด้วย

    นิจิมุระซัง?” อาคาชิมองอีกฝ่ายที่อยู่ๆ นิ่งไปพลางโบกมือไปมาตรงหน้าอีกฝ่าย

    เปล่า ไม่มีอะไรหรอกนิจิมุระตัดสินใจไม่บอกในสิ่งที่ตนได้ยินกับจอมมารแดง เอ้ย! อาคาชิไป กลับกันเถอะหมดเรื่องแล้ว

    โอเคเดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการต่อเองเคียวโบกมือไล่เชิงว่าให้คนอื่นๆ กลับไปก่อน ส่วนที่เหลือตนจะจัดการเอง ทางเหล่าคนโดนไล่ที่เห็นว่าต่อจากนี้ควรเป็นหน้าที่ของตำรวจตัวจริงอย่างเคียวจริงๆ จึงพยักหน้ารับแล้วพากันเดินออกจาบ้านที่พวกตนแอบตีเนียนเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของเคียวแล้วแยกย้ายกันไปทางใครทางมันแต่โดยดี

    “…” นิจิมุระซึ่งรีบแยกตัวออกมาก่อนชาวบ้านโดยอ้างว่ามีธุระ เดินตามทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา เจ้าตัวมองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “…ไฮซากินายอยู่นี่จริงๆ ใช่ไหม?”

    ครับได้ยินผมไหม?”

    ได้ยินสิแต่ไม่เห็น…” นิจิมุระที่ได้กลิ่นธูปกับเสียงอีกครั้งตอบกลับไป “…นายอยากให้ฉันไปอยู่กับนายไหม?”

    ไม่!!!เสียงตะโกนลั่นดังขึ้นพร้อมกับลมที่อยู่ๆ กรรโชกแรงทำให้นิจิมุระสะดุ้งโหยง  ผมไม่อยากให้คุณตายตามมานะไอ้รุ่นพี่บ้า!!! งี่เง่า!!! ถึงผมเหงาแต่แต่ไม่อยากให้อึก

    รู้แล้วๆ แหม ขี้แงขึ้นนะเนี่ยนิจิมุระได้แต่ยิ้มแห้งๆก็ในหนังเห็นเขาว่าหากผีโผล่มาหาแปลว่าจะมาเอาชีวิตนี่หว่า เลยพูดเล่นๆ ไม่คิดว่าจะถึงขั้นร้องไห้นิ

    ก็คุณเล่นพูดเหมือนจะตามผมมานิไอ้รุ่นพี่หน้านก!!!

    นี่ถ้าไม่ติดว่าไม่เห็นนาย ฉันคงจับนายดัดหลังไปแล้วนะเนี่ยนิจิมุระกรอกตาไปมากับคำด่าของอีกฝ่ายรู้ก็รู้ว่าเขาไม่ชอบโดนว่าแบบนี้ยังจะว่าอีก เขาหน้าเหมือนนกตรงไหน!? (ทุกตรง // S , ยัยบ้าเอ้่ย!!! // นิจิมุระ , ก็บ้าน่ะสิ!!! // S)

    งั้นถือว่าโชคดีที่คุณไม่เห็น

    ก็นะนิจิมุระยักไหล่น้อยๆ กับน้ำเสียงที่ฟังดูดีขึ้นเล็กน้อยของไฮซากิที่ยามนี้ตนไม่อาจเห็นหรือสัมผัสได้ แต่แค่ได้ยินเสียงนี่ก็ดีถมล่ะ แล้วนายจะเอาไงกับหมอนั้นต่อ?”

    หมายถึงไอ้ทามะ? ก็ไม่ทำไง ให้มันติดคุกหรือโดนส่งโรงบาลจิตเวชนั้นแหละ

    ไม่หลอกต่อ?” นิจิมุระเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆตอนแรกคิดว่าจะหลอกให้ตายกันไปข้างเสียอีก

    ไม่ล่ะ หมอนั่นได้สิ่งที่ควรรับแล้ว

    เหรอ…” นิจิมุระพยักหน้ารับ “…แล้วนายไม่ไปเกิด?”

    ไม่รู้ทางไป

    ซะงั้นนิจิมุระเอ๋อไปวูบหนึ่งกับคำตอบที่ได้รับ แต่ก็ดีถึงได้ยินแค่เสียง แต่ก็ยังมีนายข้างๆ ล่ะนะ

    ไม่กลัวโดนสิงหรือไงนิจิมุระซัง?”

    ไม่ และถึงโดนสิงฉันก็ไม่คิดอะไรหรอกนิจิมุระหัวเราะเบาๆต่อให้โดนสิงจริงๆ เจ้าตัวก็คิดว่าตนคงไม่สนใจนักหรอก

    เหรอ?” เสียงไฮซากิดังตอบกลับมา จากนั้นทั้งคู่ก็พากันคุยกันเล่นไปในสถานที่ซึ้งไร้ผู้คนแห่งนี้ไปโดยไม่สนว่าเวลาได้ล่วงเลยไปขนาดไหนแม้แต่น้อย

     

     

     

     

     

    หลายสิบปีผ่านไปหลังจากที่คดีของไฮซากิ โชโงะจบลงโดยที่ผู้กระทำผิดได้ถูกจับกุ่มและส่งไปโรงพยาบาลจิตเวชด้วยอาการคุ้มคลั่งที่เกิดเป็นระยะๆ และหลังจากที่นิจิมุระ ชูโชวนั้นได้รู้ว่าตนสามารถได้ยินเสียงคนรักของตนผู้ล่วงลับไปแล้วได้นั้น นิจิมุระก็ได้ใช้ชีวิตโดยมีไฮซากิซึ่งไม่อาจมองเห็นร่างได้มาตลอด แถมยังยังลงทุนถึงขนาดซื้อบ้านแบบที่เสียงภายในไม่มีทางหลุดรอดไปภายนอกได้เพื่อสามารถคุยกับไฮซากิได้โดยไม่มีใครหาว่าบ้าอีกต่างหาก บ้านก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีขโมยเพราะหากมีมาไฮซากิจะหลอกหลอนจนหนีกระเจิงไปหมดแต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่อย่างสงบสุขดีแม้มีวิญญาณตามติด จนกระทั่งวันหนึ่ง

    นิจิมุระซัง! นิจิมุระซัง!เรื่องใหญ่แล้ว!” …อยู่ๆ เสียงไฮซากิร้องตะโกนโวยวายก็ดังขึ้นมา

    มีอะไรเหรอ?” นิจิมุระเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับเสียงที่ดูร้อนร้นแปลกๆ ของคนรักที่ตนมองไม่เห็น

    คุณน่ะใกล้สิ้นอายุขัยแล้ว! รีบไปทำบุญต่ออายุเลยนะ!!!

    ดูออก?” นิจิมุระเลิกคิ้วน้อยๆไม่ยักรู้ว่ามันดูว่าใครกำลังจะตายออกด้วยแฮะ ถึงแม้ไฮซากิจะเป็นผีก็เถอะ

    ตาแก่เจ้าที่บอกมาไม่สิ ใช่เวลาสนใจเรื่องนั้นไหม!? ไปวัดเลย!!!

    ไม่เอาหรอกก็ฉันกำลังจะได้ไปอยู่นายสักทีนิจิมุระส่ายหน้าวืดบ่งบอกว่าตนไม่คิดที่จะไปต่ออายุขัยของตนออกไปจริงๆ

    ช่วยอยากอยู่นานๆ แบบชาวบ้านหน่อยเถอะ!

    แค่นี้ฉันก็ตั้งสี่สิบกว่าแล้วนะนิจิมุระกรอกตาไปมา

    แค่สี่สิบกว่าต่างหาก แถมยังไม่เคยแต่งงานตายแบบโดดเดี่ยวไปนะผมว่า

    ก็นายชิงตายก่อนนั้นแหละ ฉันเลยไม่ได้แต่งนิจิมุระเถียงกลับที่เขาไม่ได้แต่งเพราะอีกฝ่ายดันชิงตายก่อนเขานี่แหละ!

    ผมก็บอกแล้วนะว่าให้คุณไปหาคนอื่นได้

    ฉันไม่อยากไปนินิจิมุระเอ่ยจริงอยู่ว่าไฮซากิบอกเขาให้แต่งงานมีครอบครัวอย่างชาวบ้านเขาเสียที แต่เขาไม่อยากแต่งนิด อีกอย่างไปหาคนมาแต่งงานด้วยทั้งๆ ที่ใจเขายังรักไฮซากิเนี่ย คนคนนั้นจะน่าสงสารเกินไปอีก อยากรู้จักแฮะตอนนี้หน้านายยังเหมือนตอนม.ปลายหรือว่าหน้าตาเละๆ เหมือนในหนังผี

    ไอ้รุ่นพี่บ้า ใช่เวลาเล่นไหมเนี่ย?”

    น่าๆนิจิมุระหัวเราะเบาๆกล้าพนันเลยว่า ตอนนี้ไฮซากิต้องกำลังทำหน้างอใส่เขาเป็นแน่

    เฮ้อ คุณเนี่ยน้าจะไม่ไปต่ออายุจริงๆ เหรอ? ถ้าต่ออย่างน้อยคุณยังอยู่ได้อีกยี่สิบปีนะ

    ไม่ จะเลื่อนเวลาเจอนายออกไปทำไมล่ะ?” นิจิมุระยักไหล่อย่างไม่กลัวความตายที่เข้ามาใกล้แม้แต่น้อย

    คุณนี่ดื้อจริง

    เหมือนนายไงนิจิมุระเถียงกลับไป

    ไม่ต้องมาย้อนเลยครับเสียงอันบ่งบอกถึงความเหนื่อยใจและจำยอมต่ออีกฝ่ายดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า นิจิมุระเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ และเปลี่ยนเรื่องคุยกับวิญญาณของไฮซากิไป

    ไม่กี่วันถัดมาหลังจากที่ไฮซากิมาบอกเรื่องที่ว่านิจิมุระนั้นใกล้ถึงเวลาตาย ในคืนที่แสนจะร้อนอบอ้าวชายหนุ่มได้ตื่นมากลางดึกโดยที่เห็นร่างของตัวเองนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าลมหายใจบางบอกว่าชีวีของร่างนี้หลุดลอยออกไปแล้ว

    อื้มเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ยนิจิมุระเอียงคอน้อยๆ น้ำเสียงหาได้มีความเสียใจหรืออะไรนอกเหนือจากความสงสัยแม้แต่น้อย

    ไหลตายเนี่ยนะมามุขนี้เลยแฮะเสียงบ่นอุบอิบที่ดังขึ้นมาอย่างชัดเจนกว่าตลอดมาที่นิจิมุระได้ยิน ทำให้ชายหนุ่มหันไปมองยังต้นเสียงและพบกับร่างของเด็กหนุ่มผมเทาที่คุ้นเคยยืนทำหน้าปลงสุดแสนอยู่

    ไงไฮซากิไม่เจอกันนานเลยนะนิจิมุระยิ้มร่าแล้วโบกมือทักทายคนรักตนที่ได้ยินแต่เสียงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่

    ไม่ต้องมาไงเลยครับ บอกให้ทำบุญต่ออายุก็ไม่เชื่อไฮซากิเบ้หน้าน้อยๆ

    ก็อยากเจอนายนี่หว่านิจิมุระที่ยังไม่ค่อยชินกับตนสภาพวิญญาณนัก แต่ยังอุตสาห์หาทางลอยไปใกล้ไฮซากิได้แล้ว… “และขอลงโทษที่ทิ้งฉันมาตั้งนานหน่อยนะ

    “…” …ประทับริมปากตนลงบนปากคนผมเทาเบาๆ จนไฮซากิถึงกับแข็งค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่จะอ้าปากพะงาบๆ คล้ายปลาขาดน้ำคาดว่าสมองกำลังประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นและควรด่าอีกฝ่ายยังไงอยู่ ไอ้รุ่นพี่บ้า! ทำอะไรวะเนี่ย!?”

    คำสุภาพนิจิมุระเขกหัวอีกฝ่ายไปหนึ่งที

    ขอโทษครับ!!!ไฮซากิที่ไม่ได้โดนเขกหัวซะนานร้องโอดครวญอย่างเจ็บๆ

    แหมๆ จะเล่นอะไรขอปู่ออกไปรอนอกห้องก่อนได้ไหม?” เสียงพูดทุ้มนุ่มฟังชวนสบายหูดังขึ้น ทำให้นิจิมุระที่มัวสนแต่คนผมเทานั้นเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่ด้านหลังคนผมเทานั้นมีชายหนุ่มผมสีน้ำเงินหน้าตาหล่อเหล่า ผู้มีนัยน์ตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ในชุดกิโมโนที่ดูโบราณ (หรือแขกรับเชิญจากเรื่อง Touken ด้วยความขี้้เกียจคิดตัวละครใหม่นั้นเอง // S , แหมๆ เล่นแนะนำปู่แบบนี้เลยนะ // มิคาสึกิ) กำลังยืนหัวเราเบาๆ อยู่ราวคนแก่

    นั่นคือ?” นิจิมุระเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างสงสัย

    คุณเจ้าที่น่ะไฮซากิตอบกลับไป

    “…ไม่ได้แอบนอกใจฉันใช่ไหม? เจ้าที่เล่นหล่อขนาดนั้นเนี่ยนิจิมุระเอ่ยถึงรู้ว่านิสัยซากิคงไม่มีทางทำเช่นนั้น แต่ก็อดคิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ

    จะบ้าเหรอ!? ใครมันจะปันใจให้ตาแก่อายุหลายร้อยปีแบบนั้นกัน!?” ไฮซากิแยกเขี้ยวใส่คนรักตน

    งั้นก็ดีนิจิมุระยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่วิญญาณเจ้าที่ที่รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ตนเป็น กขค. อยู่นั้นก็เดินไปหลบที่ห้องอื่น ปล่อยให้คู่รักข้ามภพ (?) นี้ได้คุยกันไป

    ว่าแต่คุณเล่นตายแบบนี้ ใครจะมาเก็บร่างคุณล่ะเนี่ย?” ไฮซากิพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะรู้ตัวว่า กขค. ได้หนีไปแล้วและเมื่อไม่มีใครยืนขัดบรรยากาศแล้วนั้นมีโอกาสสูงมากที่นิจิมุระอาจทำอะไรแปลกๆ กับตนแน่หากไม่ทางเรื่องอื่นคุยแทน

    ไม่รู้ โผล่ไปหลอกอาคาชิให้มาเก็บร่างให้มั้งนิจิมุระยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

    เอาจริง?” ไฮซากิเลิกคิ้วน้อยๆถ้าทำจริงเขากล้าพนันเลยว่าอาคาชิได้บ่นนิจิมุระแบบสลับบทบาทรุ่นพี่รุ่นน้องแน่ อย่างอาคาชิเขาว่าคงไม่กลัวผีหรอก

    ล้อเล่นนิจิมุระหัวเราะเบาๆ  ปกติทุกวันโชจิซังจะมาหา นายก็รู้นิ?”

    ก็นะและพี่มาเจอคุณตายแล้วเนี่ยคงตกใจน่าดูไฮซากิรู้ว่าพี่ตนมักมาหานิจิมุระทุกวันเนื่องจากกลัวว่ารายนี้จะทำอะไรบ้าๆ อย่างการตายตามเขามาและแน่นอนว่าเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่เกินพรุ่งนี้พี่เขาก็คงมาเก็บศพรายนี้เป็นแน่แท้

    นั้นสินะนิจิมุระพยักหน้าอย่างเห็นด้วยคงตกใจมากแถมดีไม่ดีด่าส่งเขาด้วยแหงหากรู้ว่าความจริงเขารู้ว่ากำลังจะตายอยู่แล้วเนี่ย

    หลังจากที่จบประเด็นเรื่องหาคนมาเก็บศพกันแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเล่นไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงความจริงก็คุยกันทุกวันก็เถอะ แต่มันก็ไม่เหมือนการนั่งคุยกันต่อหน้านี่หว่า

    สองคู่รักติ๊ดต๊อง (เฮ้ยๆ! เอาดีๆ! // นิจิมุระ&ไฮซากิ) สองคู่รัก SM (ยัยชิโกะ!!! // นิจิมุระ&ไฮซากิ , เราไม่แก้แล้วเด้อ ขี้เกียจคิดคำบรรยายแล้วจ้า // S) นั่งคุยกันไปจนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงเช้าวันใหม่และโชจิมาเจอร่างไร้วิญญาณของนิจิมุระนั้นแหละทั้งสองถึงหยุดรำลึกความหลังราวคนแก่ (?) เพราะเสียงโวยวายของโชจิที่ดังไปสามบ้านแปดบ้าน วิญญาณทั้งสามดวง (รวมเจ้าที่ที่ลอยมาดูเพราะเสียงโวยวายด้วย) ยืนมองโชจิที่ไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้แล้วเรียกตำรวจที่รู้จักกันหรือนายเคียวนั้นมายังที่เกิดเหตุจนทำให้บ้านหลังน้อยเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจความวุ่นวายภายในบ้านถูกเฝ้ามองด้วยร่างที่มองไม่เห็นทั้งสามดวงไปเรื่อยๆ ก่อนที่ความวุ่นวายจะจบลงในสามวันต่อมาเมื่อผลชันสูตรออกมาว่าสาหตุการตายของนิจิมุระคือไหลตายและพอได้ผลออกมาดังนี้ทางครอบครัวนิจิมุระก็นำร่างไร้วิญญาณไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

    หลายปีผ่านไปหลังจากที่นิจิมุระเสียชีวิตภายในบ้านจนไม่มีใครกล้าซื้อบ้านต่อ สุดท้ายบ้านหลังนี้ผู้มาอาศัยคนใหม่เลยกลายเป็นน้องสาวของนิจิมุระที่แต่งงานจนมีลูกกันแล้วและอยากได้บ้านที่ใกล้ๆ ที่ทำงานจนได้มาอยู่ในบ้านที่พี่ชายคนโตเคยอยู่ ทางนิจิมุระเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ใหม่เป็นน้องสาวตัวเองก็ตัดสินใจทำหน้าที่คอยดูแลทั้งน้องทั้งหลานตัวเองไป ส่วนคุณคนที่กลายมาเป็นน้องเขยนั้นนิจิมุระไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะดูเป็นคนดีอยู่แต่หากไปมีชู้หรือทำให้น้องสาวตนเสียใจเจ้าตัวก็พร้อมจะจัดการทันที

    ครอบครัวของน้องสาวนิจิมุระมานามินั้นอยู่อย่างสงบไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าถูกปกป้องโดยวิญญาณพี่ชายตนเองอยู่ แถมวันดีคืนดีเจ้าตัวยังโผล่ไปดูหลานชายตัวเองพร้อมคนรักถึงโรงเรียนอีกต่างหากโดยทิ้งปู่เจ้าที่ให้เฝ้าบ้านคนเดียว

    เราต้องอยู่ที่นี่อีกนานไหมหว่า?” เสียงบ่นเบาๆ ดังออกจากปากเด็กหนุ่มผมเทาซึ่งกำลังนั่งมองเด็กชายผมสีน้ำตาลดำตัวน้อยวัยห้าขวบซึ่งกำลังนั่งวาดรูปเล่นภายในห้องรับแขกแก้เบื่อ

    นั้นสิอยู่จนเราจะกลายเป็นเจ้าที่แทนปู่เจ้าที่แล้วเนี่ยชายหนุ่มผมดำเอ่ยอย่างติดตลกกลับไป

    น่าๆ ถือว่าเป็นเจ้าที่เป็นเพื่อนปู่แล้วกันชายหนุ่มผมสีน้ำเงินหัวเราะเบาๆ แต่ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าของบ้านคนต่อเป็นน้องสาวเจ้าน่ะ

    ก็นะครับนิจิมุระตอบกลับเจ้าที่ที่ดูหนุ่มแต่ความจริงอายุเกินหลายร้อยปีไปแล้ว พลางมองเด็กชายอย่างสุขใจ และการได้มาดูแลหลานตัวเองแบบนี้ก็ไม่เลวนะครับ

    ดีไม่ดีไม่ใช่แค่หลาน อาจมีเหลนโหลนให้คุณดูด้วยไฮซากิเดาได้เลยว่าอยู่ต่อไปเรื่อยๆ อาจได้ดูเหลนของนิจิมุระด้วยแน่

    ถ้าอยู่ได้นานขนาดนั้นก็ดีสิเอาตามจริงนิจิมุระเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหลานตนจะเป็นไงในอนาคต จะแต่งงานไหมหรืออะไรเหมือนกันในขณะที่คิดเพลินๆ อยู่นั้น เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาและทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น เด็กชายที่กำลังวาดรูปเล่นอยู่ก็พลัดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งกระโจนไปทางประตูหน้าบ้าน

    เพราะทางทางแปลกๆ แบบนั้นทำให้นิจิมุระลอยตามออกมาดูเด็กชายที่วิ่งไปเปิดประตูบ้านอย่างตื่นเต้น เผลอให้เห็นเด็กสาวคนหนึ่งและชายหนุ่มอีกสองคนที่ทำให้นิจิมุระชะงักกึก

    โมจางงงงงเด็กชายกระโจนใส่เด็กหญิงผมดำที่หน้าตาสะสวยจนเดาได้เลยว่าในอนาคตต้องเป็นสาวงามแน่อย่างร่าเริง

    จูจางงงงเด็กหญิงที่โดนเรียกโมจังก็มีท่าทางร่าเริงไม่ต่างกัน

    แค่ก!ไฮซากิที่ลอยตามออกมาพร้อมกับคุณปู่หน้าหนุ่มถึงกับสำลักอากาศเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร นั้นพี่กับเคียวซังนี่หว่า!? มาไงวะ!?”

    ไม่รู้อ่ะนิจิมุระส่ายหน้าวืดที่จริงเขาก็ตกใจเหมือนกันแหละที่เห็นสองคนนี้มาอยู่ที่นี่น่ะ

    สวัสดีค่ะ โชจิซัง เคียวซังพาโมโมะจังมาเที่ยวบ้านหนูตามสัญญาแล้วสินะคะระหว่างที่วิญญาณทั้งสองดวงกำลังมึนงงกับอีกหนึ่งดวงหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก หญิงสาวผมดำคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องครัวมาหาผู้มาเยือน

    ก็นะชายหนุ่มผมดำหรือนายไฮซากิ โชจิซึ่งตอนนี้กลายเป็นฟุริฮาตะ โชจิไปแล้วยักไหล่น้อยๆ

    ถ้าทั้งพี่ชูทั้งโชโงะซังยังอยู่คงแปลกใจน่าดูที่เห็นพวกพี่มีลูกด้วยกันเนี่ยมานามิเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ

    อาจอ้าปากหวออย่างน่าขันเลยล่ะโชจิเอ่ยอย่างติดตลกโดยหารู้ไม่ว่าบุคคลที่เอ่ยถึงนั้นต่างอ้าปากค้างกันจริงๆ เมื่อรู้ว่าเด็กหญิงผมดำนั้นเป็นลูกของใคร

    นี่ไปมีลูกกันอีท่าไหนฟะ!? หรือว่ามิโดริมะมันทำยาให้ผู้ชายที่ทำให้ผู้ท้องได้สำเร็จจริงๆ เนี่ย!?...

    นิจิมุระกับไฮซากิคิดเช่นนี้อย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมายพลางพยายามดึงสติของตนเองกลับเข้าร่างตัวเองกัน

    ผมได้หลานเหมือนคุณแล้วสินะ…” ไฮซากิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    อา เท่าที่ฟังก็ใช่ล่ะนะนิจิมุระตบบ่าปลอบคนรักตน

    น่าๆ หลานเจ้าน่ารักออกปู่เจ้าที่มิคาสึกิเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ

    แล้วนี่เอาไอ้นั้นมาหรือเปล่าคะ?” มานามิที่ไม่เห็นเหล่าวิญญาณทั้งสามเอ่ยขึ้นมา

    เอามาสิโชจิพยักหน้ารับก่อนที่จะหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมายื่นให้หญิงสาว เอ้า นี่รูปถ่ายสมัยม.ต้นของโชโงะกับนิจิมุระ

    ขอบคุณมากค่ะมานามิยิ้มอย่างร่าเริง

    ว่าแต่อัลบัมส่วนของนิจิมุระหายไปไหนล่ะ?” โชจิถามขึ้นมา

    พี่ซ่อนไว้ไหนไม่รู้ค่ะ หนูหาไม่เจอมานามิเอ่ยเอาตามจริงเธอก็สงสัยนะว่าพี่ตัวเองเอาของไปซ่อนไว้ที่ไหน หามุมไหนก็ไม่เจอเลยเนี่ย ทั้งๆ ที่บ้านนี้หลายพี่เธอตายก็มีเพียงครอบครัวเธอที่มาอยู่ต่อแท้ๆ

    อ๋อโชจิพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ

    “…แม่จ๋า นั้นอะไรอ่ะ?” เด็กชายมองมารตาตนอย่างสงสัย เช่นเดียวกับเด็กหญิงที่ดูจะสงสัยไม่แพ้กัน

    รูปคุณลุงของลูกไงจ๊ะมานามิตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน มีคุณน้าของโมโมะจังด้วยนะ

    จูจังขอดูหน่อย!เด็กชายพอได้ยินแบบนี้ก็ตาวาวพร้อมพยายามใช้มือเล็กๆ ปีนขึ้นไปเอาสิ่งที่อยู่ในมือมารดาตน

    โมจังด้วย!เด็กหญิงเองก็มีท่าทางไม่ต่างกันมากนัก

    จ้าๆมานามิหัสเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนที่จะย้องตัวลงแล้วเปิดอัลบัมให้เด็กทั้งสองดู

    อา!เด็กชายร้องเสียงดังลั่นขึ้นมาเมื่อเห็นรูปในอัลบัม พวกคุณลุงที่ชอบลอยไปมาในบ้านนิ!

    เอ๊ะ?” ผู้ใหญ่สามคนที่ยืนอยู่ด้วยกันหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ กับคำพูดที่ออกมาจากปากของเด็กชาย

    ดูท่าจูจิจะเห็นเรานะนิจิมุระเลิกคิ้วน้อยๆจะว่าไปคนโบราณมักบอกว่าเด็กมักเห็นสิ่งที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็น คงหมายถึงแบบนี้สินะ?

    นั้นสินะไฮซากิขานรับไป

    เออจูจิคุง ที่พูดงี้หมายความว่าไงเหรอ?” มานามิที่กำลังงงๆ ถามลูกชายตนที่ว่าเห็นพี่ชายตนกับคนรักของพี่เธอนี่หมายความว่าไงกัน? หรือว่าพี่ชายเธอยังอยู่ที่นี่?

    ก็พวกคุณลุงชอบลอยไปมาในบ้านไงจูจิตอบกลับไปอย่างใสซื่อพลางชี้ไปบริเวณหน้าห้องรับแขก อยู่ตรงนั้นไง!

    ใช่ๆ โมจังก็เห็น!เด็กหญิงโมโมะเอ่ยสนับสนุนอีกคนบ่งบอกว่าเด็กหญิงเองก็เห็นไม่ต่างกัน

    “…โมจัง สองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ?” เคียวที่โดนลืมมานานถามขึ้นเขามั่นใจว่าลูกสาวเขาและจูจิไม่มีทางที่จะโกหกแน่จึงเอ่ยถามกลับไป

    กำลังยิ้มให้โมจังกับจูจังล่ะ!โมโมะตอบบิดาตนอย่างร่าเริง นอกจากนี่ยังมีคุณลุงอีกคนด้วย!

    เอ๊ะ?” เหล่าผู้ใหญ่หลุดร้องออกมาอีกรอบนอกจากสองคนนั้นยังมีคนอื่น?

    แหมๆ เห็นปู่ด้วยมิคาสึกิหัวเราะเบาๆ ตามประสาคุณปู่อารมณ์ดี (?)

    “…ลืมไปเลยว่าคุณก็อยู่ตรงนี้ด้วยไฮซากิบ่นพึมพำออกมาเบาๆมัวตกใจคำพูดของเด็กๆ จนลืมปู่เจ้าที่ไปเลยเขา

    ใจร้ายจังนะมิคาสึกิบ่นเล็กน้อยก่อนหันไปทางเด็กชายหญิงทั้งสองแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้ นี่เด็กน้อยฝากบอกพ่อแม่เจ้าหน่อยสิ ว่าสองคนนี้หวานแหววกันตลอดไม่สงสารคนแก่เลย

    เฮ้ย! ไปพูดแบบนั้นกับเด็กได้ไงตาแก่!!!?” ไฮซากิแว๊ดลั่น

    อย่าพูดน้าาาาา!!!นิจิมุระร้องลั่นไม่ต่างกัน

    พูดเลยๆมิคาสึกิไม่สนใจเสียงโหยหวน (?) และเอ่ยยั่วยุให้เด็กทั้งสองพูดตามที่ตนบอกด้วย

    “???” เด็กน้อยทั้งสองมองหน้ากันเองอย่างงงๆ ว่าตนควรจะพูดตามที่มิคาสึกิบอกดีหรือไม่

    มีอะไรเหรอจูจิ โมโมะ?” เคียวถามเมื่อสังเกตท่าทางแปลกๆ ของเด็กน้อยทั้งสอง

    คุณลุงอีกคนเขาฝากให้บอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าพวกคุณลุงหวานแหววกันตลอดไม่สงสารคนแก่เลยน่ะโมโมะตัดสินใจพูดตามมิคาสึกิไปเนื่องจากได้รับการสอนมาว่าถ้าผู้ใหญ่ถามมาก็ควรที่จะตอบบวกกับติดนิสัยตัดสินใจเร็วมาจากนายเคียวผู้เป็นพ่อมานิดๆ ด้วย

    แว๊ดดดดดด!!! บอกทำมายยยยยย!?” ไฮซากิถึงกับร้องโอดครวญแบบนี้มันน่าอายเกินไปแล้วนะ!!!

    แกล้งกันได้นะคุณเจ้าที่!นิจิมุระหันไปโวยเจ้าที่ที่เป็นตัวต้นเหตุ

    นิดๆ หน่อยๆ น่า แหม เด็กยุคนี้ขี้อายจังมิคาสึกิหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจคำโวยวายนัก

    “…ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ สินะสองคนนั้นโชจิเมื่อได้ยินที่ลูกสาวตนพูดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอกดีจริงๆ ที่ในที่สุดสองคนนั้นก็ได้อยู่ด้วยกัน แถมดูท่าจะมีความสุขดีด้วย

    น่ายินดีออก น้องนายกับนิจิมุระได้อยู่ด้วยกันหลังโดนพรากกันมาซะนานเนี่ยเคียวเอ่ย

    นั้นสิค่ะมานามิยิ้มแย้มอย่างดีใจก็แหม พี่เธอแทบจะกลายเป็นพวกเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไปเลยนี่นา หลังจากที่ไฮซากิซังตายไปเนี่ย (เอิ่ม ความจริงพี่แกแค่หาที่สวีทกับน้องเทาจ้าคุณน้อง // S)

    “…นิจิมุระถ้านายยังอยู่ตรงนี้ขอบอกเลยนะว่าหากแกทำน้องฉันเลยใจโดนแน่ถึงแม้จะโล่งอกที่น้องเขาได้อยู่กับคนรักแล้ว แต่โชจิก็อดไม่ได้ที่จะขู่นายหน้านก (?) ตามนิสัย

    คร้าบบบบ!!!นิจิมุระพอได้ยินแบบนี้ก็เผลอขานรับไปอย่างเคยชินก็แหม เขาได้ยินประโยคนี้ตั้งแต่ตอนม.ต้นที่โชจิซังรู้ว่าเขาคบกับไฮซากินี่นะ มันเลยติด

    เขาบอกว่าคร้าบบบบบน่ะครับจูจิที่เห็นนิจิมุระรีบขานรับก็เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าโชจินั้นไม่ได้ยินที่นิมุระขานรับ

    งั้นดีโชจิพยักหน้ารับอย่างพอใจ

    พี่สะใภ้เจ้าโหดดีนะพ่อหนุ่มมิคาสึมองภาพตรงหน้าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

    ก็นะครับนิจิมุระไม่เถียงว่าด่านพี่สะใภ้ของตนนี่โหดจริงนี่ขนาดตายแล้วยังไม่วายมาขู่เขาได้อีก

    ว่าแต่มีผีในบ้านแบบนี้ไม่กลัวเหรอ?” ระหว่างที่มิคาสึกิกับนิจิมุระกำลังคุยกันอยู่นั้น เสียงของเคียวก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของวิญญาณทุกดวงภายในบ้านหลังนี้

    ไม่หรอกค่ะ ก็เป็นพี่กับไฮซากิซังนี่ค่ะมานามิส่ายหน้าไปมาเธอไม่คิดที่จะกลัวพี่ตัวเองหรอกนะ

    แล้วอีกตนโชจิถามต่อสำหรับน้องเขากับนิจิมุนะน่ะเขาไว้ใจอยู่ แต่อีกตนนี่สิ

    ถ้าไม่ใช่คนดีจริงพี่อัดไปแล้วล่ะค่ะมานามิเอ่ยอย่างรู้นิสัยพี่ชายตนดี

    หมอนั้นโหดพอดูนี่หว่าเคียวพูดอย่างติดตลกนิดๆ

    ไอ้เกินคนแบบแกกล้าพูดเนอะโชจิเตะเคียวไปทีหนึ่งซึ่งแน่นอนว่านายเคียวนั้นไม่สะท้นสะท้านอะไรเลย

    นั้นสิ น่ากลัวกว่าฉันอีกนิจิมุระบ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆอย่างนายฟุริฮาตะ เคียวเนี่ยเขากล้าพูดเลยว่าไม่มีทางที่ตนจะเทียบได้หรอก เล่นเกินมนุษย์มนาไปไกลแบบนี้เนี่ย

    เฮฮากันดีจริงมิคาสึกิหัวเราเบาๆ พลางยกชาที่มาจากไหนไม่รู้ขึ้นมาดื่ม ชาไหม?”

    เอามาจากไหนเนี่ยตาแก่!?” ไฮซากิมองถ้วยชาแถมมีกาน้ำชาซึ่งอยู่ในลักษณะเลือนลางเป็นการบ่งบอกว่าเป็นของทางโลกวิญญาณมิใช่ของที่มนุษย์ปกติเห็นได้ในมืออีกฝ่ายอย่างสงสัย

    ชงมาตอนไหนเนี่ย?” นิจิมุระคิ้วกระตุกนิดๆเมื่อกี้ยังไม่มีเลยนี่หว่า? ชงมาตอนไหนเนี่ย?

    คนรักข้าชงมาให้มิคาสึกิตอบง่ายๆ สั้นๆ

    “…ห๊า?” นิจิมุระกับไฮซากิหลุดร้องออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายนี่นอกจากพวกตนยังมีวิญญาณดวงอื่นสิงที่นี่อีกเหรอ!? อยู่มาตั้งนานทำไมไม่เคยเห็นเลยฟะ!?

    พวกเจ้าไม่รู้เหรอว่ามีวิญญาณคนรักข้าอยู่ที่ห้องใต้หลังคาน่ะ?” มิคาสึกิถามกลับมา

    บ้านนีมีห้องใต้หลังคาด้วยเหรอ…” นิจิมุระเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆอยู่ตั้งแต่ตอนมีชีวิตยันตายนี่เขาไม่เคยรู้ว่าที่นี่มีห้องใต้หลังคาเลย

    มีสิมิคาสึกิเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน นี่ลงมาหน่อยได้หรือไม่?”

    ถ้าไม่มาท่านก็ไปลากข้ามาอยู่ดีมิใช่หรือ?” เสียงหนึ่งดังตอบกลับมาก่อนที่ร่างของชายหนุ่มผมสีเหลืองนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวคนหนึ่งซึ่งมีผ้าสีขาวคลุมหัวเอาเอาไว้จนเห็นหน้าไม่ชัดลอยทะลุลงมาจากด้านบน

    ก็นะมิคาสึกิหัวเราะเบาๆ อย่างไม่สนใจคำพูดเหมือนเหน็บแหนบของอีกฝ่ายนัก

    “…บ้านนี่มีวิญญาณกี่ดวงเนี่ย?” ไฮซากิถาม

    มีแค่สี่น่า มิต้องห่วงมิคาสึกิตอบ ในขณะที่เด็กชายหญิงทั้งสองที่เห็นวิญญาณตนใหม่ลอยลงมาก็วิ่งไปหาพลางมองอีกฝ่ายตาวาว

    ว้าวสวยจัง…” จูจิเอ่ยขึ้นมาด้วยความที่ยังเด็กแล้วตัวเล็กกว่าวิญญาณที่โผล่มาใหม่มากก็เลยทำให้เด็กน้อยสามารถมองเห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมได้อย่างชัดเจน

    พี่สาวสวยจังเหมือนน้าคิเสะเลยโมโมะเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกคน

    เออข้าไปล่ะ!ทางคนเออ วิญญาณที่โดนชมทำท่าเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกและทำท่าจะลอยกลับไปอยู่ในห้องใต้หลังคาดังเดิม

    เดี๋ยวๆ ยามัมบะกิริอยู่ให้พวกเด็กๆ ชมก่อน” …ทว่ากลับโดนมิคาสึกิดึงตัวกลับมาเสียก่อน

    ข้าไม่ชอบท่านก็รู้แขกรับเชิญพิเศษอีกหนึ่งหน่อทำหน้าเหมือนกินยาขม บ่งบอกว่าไม่ชอบสถานการณ์เช่นนี้จริงๆ

    สวยก็ยอมรับว่าสวยหน่อยสิมิคาสึกิเอ่ยแซวเล็กน้อย...และนั้นทำให้คนโดนแซวยั๊วะหรืออย่างไรก็ไม่ทราบค้อนใส่คนว่าตนทีหนึ่งก่อนจะแงะมือของมิคาสึกิออกแล้วลอยหนีไปเป็นเหตุทำให้ท้ายที่สุดคุณปู่ (?) ก็ต้องรีบไปงอนศรีภรรยาตนเองก่อนโดนงอนยาว ส่วนทางนิจิมุระกับไฮซากิที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาตลอดก็ได้เพียงมองหน้ากันก่อนตัดสินใจปล่อยให้ปู่เจ้าที่จัดการปัญหาของตัวเองไปแล้วนั่งดื่มชาที่มิคาสึกิทิ้งไว้อย่างสบายใจเฉิบซะงั้น

    “…คราวนี้มีผีเพิ่มมาอีกตนเหรอ?” ทางด้านโลกคนเป็นนั้นที่ไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่พอเดาได้ว่าภายในบ้านนี้มีผีอีกตนเพิ่มขึ้นมาจากคำพูดของเด็กน้อยทำให้โชจิคุมขมับอย่างปวดจิตสุดแสน

    คงงั้นเคียวตบบ่าศรีภรรยาตนเบาๆ เป็นการปลอบ

    แต่ถ้าอยู่กับพี่ได้คงไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกค่ะมานามิซึ่งเป็นเจ้าของบ้านซึ่งมีปีสิงอยู่ถึงสี่ตนยิ้มบางๆ อย่างไม่เดือดร้อนกับเรื่องผีในบ้านตนแม้แต่น้อย

    นั้นสินะโชจิที่พยายามทำใจยอมรับเรื่องแปลกๆ เช่นนี้อยู่ขานรับไป...เอาเถอะ ถึงมันน่าปวดจิตขนาดไหน แต่ขนาดเจ้าของบ้านยังไม่เดือดร้อนอะไร แล้วเขาจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนทำไมล่ะ...

    ...คิดแง่ดี อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าน้องเขาเป็นไงบ้างทางโลกฝั่งนั้น...จนกว่าจะถึงวันที่ลูกสาวเขาและจูจิไม่สามารถเห็นวิญญาณได้อีกต่อไปล่ะนะ....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END

    จบอย่างมึนๆ งงๆ ด้วยความหมดมุขจ้า WWW!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×