ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NoHero&LSK : ถ้าเทพอัศวินไปเซ็ตติ้งซัน

    ลำดับตอนที่ #4 : NoHero : ต้อนรับแขกจากต่างเมือง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      5
      24 ส.ค. 52

    “ตื่นเต้นจังเลยๆๆๆๆๆ”คุณหนูแทบจะนั่งไม่ติดเบาะ ระหว่างที่พวกเรากำลังขับรถไปรับพวกแขกจากต่างแดน

    จากที่พวกเขาติดต่อมา คิดว่าจะมีคนมาที่นี่สิบสองคน คุณไคล์ก็เลยเตรียมรถรุ่นพิเศษให้ที่มองภายนอกดูเหมือนรถธรรมดา แต่ภายในกลับกว้างขวางพอๆกับคอนโดของคุณหนูได้เลยทีเดียว

    คุณไคล์บอกว่านี่เป็นรถประจำตัวของนายท่าน ซึ่งใช้เทคโนโลยีแบบพิเศษที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้ได้ ซึ่งผมก็ไม่อยากไปพิสูจน์เหมือนกันว่าทำไมถึงทำได้ขนาดนี้

    แต่เสียดายที่พวกคุณเทียนฉา เกรน และเมย์ไม่ได้มาด้วย พวกเขาติดภารกิจอื่นจนได้ทำให้ต้องออกไปปฏิบัติทันที จึงไม่ได้มากับพวกเรา คนที่มาก็มีแค่นายท่าน คุนไคล์ที่กำลังขับรถอยู่ ผม แล้วก็เมโลดี้ ห้าคนเท่านั้นเอง

    “พวกเขาจะแข็งแกร่งมากมั๊ยน้า ผมอยากรู้จังเลย”คุณหนูยิ้มกว้าง

    “คุณหนูวัดได้ด้วยเหรอคะ?”เมโลดี้ถาม

    “อื้อ ถ้าผมต้องการน่ะนะ”คุณหนูยิ้ม “เนาะพี่ชาย”

    “เซียร์น่ะติดตั้งระบบสแกนความสามารถอย่างคร่าวๆเอาไว้ในสมองตัวเองด้วย เผื่อเวลาเจอศัตรูจะได้รู้ความแข็งแกร่งอย่างคร่าวๆจะได้ไม่ประมาท”นายท่านตอบ ท่าทางเขามีความสุขน่าดูเวลาพูดถึงคุณหนู

    “งั้น…ไหนคุณหนูลองสแกนพวกเราหน่อยสิคะ”เมโลดี้ทำตาวาว

    “เมโลดี้…ไม่ดีมั๊ง”ผมค้านเสียงอ่อยๆ ถ้าตัวเลขออกมาไม่ดีก็แย่น่ะสิ นี่มันต่อหน้านายท่านเลยนะ

    “ได้เลย!”แต่คุณหนูกลับตอบอย่างสนุกสนาน แล้วทันใดนั้นผมก็สังเกตเห็นว่าสายตาของคุณหนูที่จ้องเมโลดี้มีตัวอักษรวิ่งเป็นแถบๆ

    “เมโลดี้…ค่าพลังชีวิต 750 ความแข็งแกร่ง 223 ระดับความฉลาด 120…”คุณหนูหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความนี้ดวงตาของคุณหนูกลับเป็นปรกติแล้ว [หมายเหตุ ค่าตัวเลขทั้งหมดมาจากการ์ดของสำนักพิมพ์ค่ะ]

    “มันเยอะมั๊ยล่ะคะ?”เมโลดี้ถาม

    “เยอะสิ เยอะมากเลยล่ะ”คุณหนูยิ้มกว้าง “จริงๆค่าพลังชีวิตกับค่าความแข็งแกร่งน่ะจะไม่มีเส้นตายตัวว่าจะสุดที่ไหน แต่ค่าพลังชีวิตของเมโลดี้น่ะสูงมากเลยนะ ขนาดของดราก้อนพีชยังแค่ 300 เอง”

    “ดราก้อนพีชที่ว่าอึดนั่นยังแค่ 300 เองเหรอครับเนี่ย”ผมคราง

    “มันเป็นความแตกต่างของแวมไพร์กับมนุษย์ล่ะมั๊ง”คุณหนูยักไหล่ “อย่างของผมตอนเป็นอันเซียร์คือ 200 แต่ตอนเป็นตะวันรัตติกาลจะเป็น 400 แต่ก็ยังน้อยกว่าเมโลดี้อยู่ดี”

    “แต่ค่าความแข็งแกร่งของคุณหนูต้องสูงกว่าชั้นแน่ๆเลย ใช่มั๊ยคะ”เมโลดี้ยิ้มให้กำลังใจ

    “ค่าความแข็งแกร่งของอันเซียร์คือ 280 แต่ถ้าเป็นตะวันรัตติกาลจะเป็น 460”นายท่านตอบแทน ท่าทางเขาจะจำตัวเลขของคุณหนูได้ขึ้นใจเลยแฮะ

    “สุดยอดเลย คุณหนูเก่งมากเลยค่ะ!!!”เมโลดี้กอดคุณหนูแน่น

    “เอ่อ…คุณหนูครับ คุณหนูบอกว่าค่าพลังชีวิตกับค่าความแข็งแกร่งไม่มีค่าตายตัว งั้นก็แสดงว่าค่าความฉลาดมีค่าตายตัวสินะครับ”ผมถาม

    “ค่าความฉลาดมีค่าสูงสุดที่ 300 เท่านั้น”นายท่านตอบ

    “หวา ไม่ถึงครึ่งเลยเหรอเนี่ย”เมโลดี้ทำหน้าสลด

    “แล้วคุณหนูล่ะครับ?”ผมถามอย่างอยากรู้

    “ของผมน่ะ 300 ทั้งสองด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นอันเซียร์หรือตะวันรัตติกาล”คุณหนูยิ้มอย่างภูมิใจ

    “เหรอครับ”ผมอดยิ้มอย่างภูมิใจบ้างไม่ได้ ผมมีคุณหนูที่ฉลาดที่สุดเลยเหรอเนี่ย

    “แต่ตัวเลขของโจซัวก็ไม่เลวหรอกนะ”คุณไคล์เอ่ย

    “หา!?! พวกคุณเคยวัดค่าของผมไปแล้วเหรอครับ???”ผมงงไปเลย

    “ค่าพลังชีวิตของนายคือ 890 ความแข็งแกร่ง 410 ความฉลาด 144 แต่ถ้าแปลงเป็นแวมไพร์ค่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มเป็น 440”คุณไคล์เปิดหนังสือเล่มโตในมือออกอ่านข้อมูลของผมซะละเอียดยิบ

    “อะไรกัน โจซัวเนี่ยนะเก่งกว่าชั้น ทั้งๆที่ใช้พลังเลือดก็ยังไม่เป็นแท้ๆ”เมโลดี้ดูจะไม่พอใจซักเท่าไหร่



    “ท่าทางพวกเขาจะมาถึงก่อนพวกเรานะครับ”คุณไคล์บอก

    “ไหนๆๆๆๆ”คุณหนูชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอก

    “อย่าชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่างรถสิครับ มันอันตราย”ผมเตือน

    “อ๊ะ ขอโทษทีโจซัว ฉันตื่นเต้นไปหน่อย”คุณหนูผลุบเข้ามาในรถอีกครั้ง แต่ก็นั่งไม่ติดที่จนต้องเดินวนไปวนมา เพราะอย่างที่ผมบอกไปแล้ว ในรถคันนี้มันกว้างขนาดคอนโดของคุณหนูทีเดียว ทำให้สามารถแบ่งเป็นที่วางโซฟาหลายๆตัวได้สบายแล้วยังเหลือที่ว่างให้คนเดินไปมาแบบไม่ชนกันอีกด้วย

    เอี๊ยด

    “เชิญครับ”คุณไคล์รีบวิ่งมาเปิดประตูให้นายท่าน

    พวกเขาทั้งสิบสองคนต่างใส่ชุดคลุม ในเวลาสามทุ่มกว่าๆแบบนี้ทำให้แสงจันทร์ไม่มากพอจะเห็นพวกเขาทั้งหมดได้ แต่สองสามคนที่อยู่หน้าสุดทำผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงชอบกล

    คนแรกเป็นชายหนุ่มผมดำสนิท กับดวงตาคมสีดำ ผมกล้าพูดเลยว่าคนแบบนี้เป็นคนประเภทเดียวกับนายท่าน นั่นคืออย่าไปหาเรื่องเขาเป็นดีที่สุด แค่มองหน้าก็สัมผัสได้เลยว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดไม่น้อย

    คนที่สองเป็นคนผมสีน้ำเงินเข้ม ถึงผมจะเห็นคนย้อมสีผมบ่อยๆก็เถอะ แต่สีน้ำเงินเข้มแบบนี้มันแปลกตาจริงๆ เขาหันมามองพวกเราทุกคนด้วยสายตาวิเคราะห์นิดๆ

    แต่คนที่ทำให้ผมหนาวสันหลังของจริงคือคนที่สามที่อยู่ข้างชายผมดำ เขามีผมสีทองยาวและดวงตาสีฟ้า ถึงเขาจะมีรอยยิ้มอยู่ก็เถอะ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขากำลังจ้องผมกับเมโลดี้ด้วยสายตาแปลกๆยังไงชอบกล มันทำให้ผมเผลอคิดไปวูบหนึ่งเลยว่าเขารู้ว่าผมกับเมโลดี้เป็นแวมไพร์

    “สวัสดี…พวกท่านคงเป็นคนที่มาจากลีฟบัดสินะ”นายท่านพูดทันทีที่เดินลงไปถึงพลางยื่นมือไปจับกับชายหนุ่มผมดำที่ดูท่าทางจะมีความเป็นผู้นำมากที่สุด แต่ทำไมผมถึงเห็นชายผมทองคนนั้นทำหน้าตาแปลกๆด้วยนะ

    “ต้องขออภัยจริงๆที่พระสังฆราชมาขอร้องท่านด้วยเรื่องไร้สาระ”ชายผมดำพูดนิ่งๆ แต่สายตาหันไปชำเลืองมองชายผมทองที่อยู่ข้างๆ ซึ่งสิ่งที่เขาได้รับตอบกลับมาคือรอยยิ้มแปลกๆที่ผมรู้สึกกลัวมันขึ้นมานิดๆ

    “…พี่…พี่ทักผิดคนแล้ว…”คุณหนูแอบกระซิบกับนายท่าน

    “หือ?”ทั้งผม เมโลดี้ และนายท่านต่างหันไปมองคุณหนูอย่างสนใจ

    “ผู้ชายผมดำคนนั้นแข็งแกร่งมาก…แล้วก็ฉลาดมากก็จริง แต่ค่าที่ผมอ่านได้น่ะคือ 265 / 400 / 278 เท่านั้น”คุณหนูกระซิบ

    “แข็งแกร่ง…แถมยังฉลาดอีกต่างหาก นี่ไม่ใช่หัวหน้าตรงไหนล่ะครับ”คุณไคล์ถามงงๆ

    “แต่ผู้ชายผมทองข้างๆน่ะสิ…ค่าที่ได้คือ 896 / 20 / 299 นะ”คุณหนูหันไปมองชายผมทอง

    ผมอดตกใจไม่ได้ ชายคนนี้…แม้จะมีค่าความแข็งแกร่งน้อยจนน่าตกใจ แต่กลับมีค่าพลังชีวิตสูงกว่าผมที่เป็นแวมไพร์อีกเหรอ? แถมระดับความฉลาดของเขายังเกือบเทียบเท่ากับคุณหนูเชียวหรือนี่? ถึงผมจะไม่ชอบวัดอะไรจากตัวเลข แต่ถ้าคุณหนูพูดแบบนั้นก็แสดงว่ามันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ

    “ขออภัยที่ไม่ได้ทักทายท่าน ท่านคงเป็นผู้นำสินะ”นายท่านหันไปทางชายผมทอง ซึ่งเขาขมวดคิ้วทันที ส่วนชายผมสีน้ำเงินข้างๆทำหน้าไม่อยากเชื่อ ซึ่งผมคิดว่าเขาคงคาดไม่ถึงที่ทางเราจะดูตัวจริงของหัวหน้าของพวกเขาออก

    “ครีอุส ขอร้องล่ะว่าอย่าพูดเยิ่นเย้อกับเขานะ”ชายผมสีน้ำเงินกระตุกแขนเสื้อของชายผมทอง ผมแอบเห็นเขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตแค้นนิดๆด้วย

    “ข้าคือเทพอัศวินครีอุส ผู้นำสูงสุดของหัวหน้าเทพอัศวินฝ่ายเฮมิช”เขาแนะนำตัวพร้อมยิ้มกว้าง “ส่วนคนที่ท่านทักเมื่อครู่คือเทอร์มิส ผู้นำหัวหน้าเทพอัศวินฝ่ายโคลด์บลัดด์น่ะครับ เราทั้งสองเป็นหัวหน้าคนละส่วนกันแต่ก็นับว่าเป็น “ผู้นำ” ทั้งคู่”

    พวกเราเข้าใจทันทีว่าเขาพูดแบบนี้เพราะต้องการรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย…อืม…ที่ว่าความฉลาดเทียบเท่ากับคุณหนูเห็นจะจริงแล้วล่ะมั๊งเนี่ย

    “แต่คุณหนูบอกว่าคุณเป็นผู้นำสูงสุดของทั้งหมดนี่”เมโลดี้ขมวดคิ้ว

    “ครับ หากเทียบกันแล้ว ข้ามีตำแหน่งสูงสุดในสิบสองเทพอัศวิน และมีตำแหน่งเทียบเท่าพระสังฆราชครับ แต่ข้าเห็นว่ากับเหล่าพี่น้องเทพอัศวินด้วยกันเอง ข้าไม่จำเป็นต้องนับยศฐาบรรดาศักดิ์เพราะพวกเราคือ “เพื่อน” ผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับ”ครีอุสตอบ

    ผมเองยังอดประทับใจกับคำพูดของเขาไม่ได้ แม้จะเป็นหัวหน้าแต่ก็ไม่ได้ถือตัว นับทุกคนเป็นเพื่อน คนแบบนี้น่าคบหาจริงๆ แต่ความรู้สึกที่ผมรู้สึกในตอนแรกสุดมันคืออะไรกันล่ะ?

    “แล้ว…สิบสองเทพอัศวินคืออะไรเหรอครับคุณหนู?”ผมถามคุณหนู

    “สิบสองเทพอัศวินเป็นตำแหน่งแห่งผู้รับใช้เทพแห่งแสงสว่าง พูดง่ายๆก็คือหลักยึดเหนี่ยวของตำหนักเทพแห่งแสงสว่าง”เทอร์มิสตอบแทนคุณหนูเสียแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะท่าทางคุณหนูก็คงไม่รู้เรื่องนี้เหมือนๆกับพวกเราทุกคนนั่นแหละ

    “เหมือนพวกนักบวชที่ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนารึเปล่าครับ”คุณหนูถาม

    “พวกเรามีตำแหน่งสูงกว่านักบวชเยอะเลย”ชายร่างสูงที่ด้านหลังครีอุสตอบ แม้เขาจะดูโผงผางแต่ก็ดูจะคล้ายๆอะซัด ถ้างั้นก็น่าจะพอคบหากันได้…ขอแค่เขาไม่บ้าการต่อสู้แบบอะซัดแล้วมาท้าผมสู้ก็พอ

    “สำหรับพวกเราแล้ว นักบวชก็เหมือนกับผู้รักษาหรือไม่ก็ผู้ปัดป้องอันตรายเท่านั้นเอง”ชายอีกคนตอบ เขามีผมสีเขียวกับดวงตาสีเงิน สิ่งที่เขาพาดอยู่ด้านหลังคืออาวุธโบราณที่เรียกว่า “ธนู” สินะนั่น ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนจริงๆ ท่าทางที่พวกเทียนฉาบอกว่าพวกเขาเป็นพวก “โบราณ” ท่าจะจริงซะแล้ว

    “ต้องขออภัยจริงๆที่ขัดจังหวะ”คุณไคล์ขัด “แต่ผมคิดว่าเราควรรีบไปที่เซ็ตติ้งซันก่อนเที่ยงคืนจะดีกว่านะครับ”

    “เอ…ก่อนพวกเรามา องค์สังฆราชเซ็ตเวลาให้ครีอุสแล้วนี่นา”ชายผมสีน้ำเงินที่ผมยังไม่รู้ชื่อหันไปทางครีอุส ซึ่งเขาก็ล้วงนาฬิกาคล้องโซ่แบบโบราณออกมาอีก

    พวกเทียนฉาพูดถูกจริงๆ พวกเขาทำผมรู้สึกย้อนเวลากลับไปซักสองสามร้อยปีเลยนะเนี่ย

    “เทมเพสที่รัก นี่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตำแหน่งหมายเลขที่สี่เลยด้วยซ้ำ”ครีอุสยิ้มกว้าง แต่เขาพูดอะไรของเขากัน ผมแปลความหมายไม่ออกเลย ซึ่งไม่ได้มีแค่ผม ทั้งเมโลดี้ นายท่าน และคุณไคล์ต่างทำหน้างงกันทั้งนั้น มีแต่คุณหนูที่ดูท่าจะเข้าใจความหมาย

    “ยังไม่สามทุ่มครึ่งเลย ก็ยังมีเวลาคุยได้อีกนาน”ชายผมน้ำเงินที่ผมรู้แล้วว่าเขาชื่อเทมเพสหัวเราะเบาๆ

    “จะเดินทางไปคุยไปก็ได้นี่นา”คุณหนูว่า “ขึ้นไปนั่งคุยกันในรถเถอะ สบายกว่า”

    “รบกวนด้วย”ครีอุสยังคงยิ้ม ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขายิ้มตลอดเวลาตั้งแต่ที่ผมเห็นเลย แปลกจริงๆ

    “แต่…จะจุคนได้หมดเหรอ?”เทอร์มิสถาม

    “หมดแน่นอนครับ พวกคุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย”ผมรีบตอบ เพราะผมว่ายังไงพวกเขาคงไม่รู้จัก “รถ” แน่ๆ ยิ่งรถพิเศษแบบของนายท่านนี่อีก

    “ข้าคิดว่าอาจจะอึดอัดเล็กน้อยนะ”ชายร่างสูงคนเดิมว่า

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×