workurl1test
ดู Blog ทั้งหมด

เตรียมความพร้อมก่อนพาลูกเข้าโรงเรียน

เขียนโดย workurl1test


เตรียมความพร้อมก่อนพาลูกเข้าโรงเรียน
 

ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่ทุกท่านกำลังวุ่นวาย เพื่อที่จะหาโรงเรียนให้เจ้าตัวเล็กกันเป็นที่แน่นอน หนึ่งในนั้น คงจะเป็นดิฉันด้วยค่ะ จะบอกว่าลูกคนโตของดิฉัน อาย 2 ขวบครึ่งแล้ว เตรียมตัวที่จะเข้า อนุบาลเด็กเล็กแล้ว ถ้าฟังดูเขาเพิ่งอายุ 2 ขวบกว่า จะส่งเขาไปสู่โลกภายนอกแล้ว คิดดูแล้วเหมือนคุณแม่จะดูโหดร้ายไปหรือเปล่า สำหรับลูกน้อยตัวเล็กๆ ดังนั้น สิ่งที่คุณแม่ควรเตรียมความพร้อม ว่ามีอะไรบ้าง สิ่งแรกที่เราต้องกระตุ้นให้ลูกอยากไปโรงเรียน ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งนี้ คือ

-          สร้างทัศนะคติที่ดีให้กับเขาในการไปโรงเรียน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เขาอยากไปโรงเรียน โดยการบอกเขาว่าถ้าไปโรงเรียน จะเจอเพื่อนมากมาย มีของเล่นเยอะแยะ นี้ คือ สิ่งที่ดิฉันได้บอกกับลูกของดิฉัน ทุกวันนี้ เพราะว่าลูกของดิฉันเพิ่งจะไปสมัครเรียนมานี้เอง เรากระตุ้นและคอยบอกเขาในสิ่งที่ดีๆ จนทุกวันนี้เขาตื่นมาแล้วถามดิฉันว่า แม่คับ น้องจะไปโรงเรียน ไปส่งน้องหน่อย ทั้งๆที่โรงเรียนยังไม่เปิดภาคเรียนเลย (แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันคะว่าถ้าถึงเวลานั้นเขาจะงอแงหรือเปล่า) แต่อย่างที่บอกคะว่าต้องพยายามบอกและกระตุ้นเขาตลอด

-          สิ่งที่ต่อไปที่เราต้องเตรียม คือ ความพร้อมทางด้นร่างกาย เราต้องมั่นใจว่าเขามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง สิ่งนี้ดิฉันคิดว่าคุณแม่คงจะเริ่มทำกันตั้งแต่แรกเกิดแล้วคะ แต่เราก็ต้องสร้างและต้องสรรหาอาหารที่มีประโยชน์กับเขา เพื่อที่ร่างกายของเขาจะได้มีภูมิคุ้มกัน ที่ดี พร้อมเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เขาต้องเจอคะ

-          การเข้าสังคม อย่างที่บอกคะว่าต่อไปลูกจะไม่ได้เจอแค่เรา หรือ คนในครอบครัว อีกแล้ว เขาจะต้องเจอสังคม เจอเพื่อนๆซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเด็ก มาจากต่างพ่อ ต่างแม่ ย่อมมีอะไรที่ต่างกันแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น เราต้องสอนเขาในหลายๆด้าน สิ่งที่ดิฉันได้บอกกับลูกทุกวันคือ

การพูดจา สำหรับลูกของดิฉัน ตอนนี้เริ่มที่จะพูดจา ด้วยคำพูดแรงๆ เขาติดมาจากเพื่อนข้างบ้าน จนบางครั้งดิฉันฟังแล้ว อยากจะตี เขาสักที เพราะเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเลย ดังนั้นต้องบอกเขาว่า อย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวเวลาน้องไปโรงเรียน ถ้าพูดแบบนี้ คุณครูจะตีน้อง และไม่รักน้องแน่นอน เขาก็ฟัง เขาบอกกับดิฉันว่า ต่อไปน้องจะไม่พูดแล้ว เชื่อมั๊ยคะว่า ถ้าเขาไปโรงเรียนแล้ว คนที่เขาจะเชื่อและฟังเป็นคนแรก ต่อไปไม่ใช่คุณพ่อ หรือคุณแม่แล้วคะ แต่จะเป็นคุณครูมากกว่า ดังนั้นเราต้องพยายามบอกเขา และไม่ได้บอกอย่างเดียวค่ะ เราต้องหาเหตุผลประกอบด้วยว่าทำไม ลูกถึงไม่ควรที่จะพูดคำนี้

การเสียสละ ในที่นี้สำหรับเด็กของหนีไปไม่พ้นกับเกี่ยวกับการการแบ่งของเล่นคะ หรือจะเป็นการแบ่ง ขนม เพราตอนที่อยู่ที่บ้านไม่จำเป็นต้องแบ่งของกับใคร จนทำให้เขาติดเป็นนิสัย อย่างลูกของดิฉันคะ จะไม่ยอมแบ่งให้เพื่อนเล่นเลย ทุกวันนี้ต้องคอยบอกเขาตลอดว่า ถ้าน้องอยากมีเพื่อนเยอะๆน้องต้องแบ่งของให้เพื่อนบ้าง ไม่แน่ใจเหมือนกันคะว่าเขาจะเข้าใจหรือเปล่า แต่เราต้องคอยสอนเขาไปเรื่อยๆคะ เชื่อว่าคงไม่ยากสำหรับคุณแม่แน่นอน

-          สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองเป็น ในที่นี้คงไม่มีอะไรมากมายสำหรับเจ้าตัวเล็กของเรา  แค่สอนให้เขาบอกว่าปวดปัสสาวะ และอุจจาระเป็น เพราะเราไม่ได้ดูแลเขาเต็มที่เหมือนอยู่ที่บ้านแล้ว เพราะว่าถ้าอยู่ที่บ้านเราจะต้องทำแทนเขาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการป้อนข้าว เราต้องสอนให้เขาป้อนขาวเป็น สำหรับลูกดิฉันก็ทานข้าวเองได้แล้ว แต่อาจจะเลอะนิดหน่อยเป็นธรรมดาของเด็ก และนี้คือสิ่งที่ดิฉันเป็นห่วงอยู่ค่ะ เชื่อว่าการฝึกเขาเราคงไม่ได้ฝึกกันแค่วัน 2 วัน เราต้องฝึกเขาตั้งแต่เขาเริ่มพูดได้ หรืออายุประมาณ1 ขวบกว่า ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อผ้า รองเท้า สามารถบอกได้เวลาหิว แต่ดิฉันคิดว่าถึงเขาจะสามารถทำตรงนี้ได้ แต่สำหรับคนเป็นแม่เหมือนกับตัวดิฉันก็ยังไม่วายที่จะเป็นห่วงเขาได้เลย แต่จะทำอย่างไรได้ เราต้องปล่อยเขาให้ไปเจอโลกภายนอก ดังนั้นเราต้องสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองให้ได้ เราเข้าใจค่ะว่าทุกท่านย่อมรักลูกเหมือนกัน ฉะนั้นเพื่อให้ลูกเราได้เจอกับสิ่งภายนอกและช่วยเหลือตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ เราควรเปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวเขาเอง ค่ะ

ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องคอยสอนเขาแต่เราอย่าไปเร่งรัดที่จะเขาทำได้ในเวลาที่เร็วเกินไป เราค่อยๆสอนเขาไปเรื่อยๆเรื่องความพร้อมของเขาอย่างที่บอกอยู่ที่ครอบครัวด้วยที่จะส่งเสริมให้เขาเป็นเด็กที่พร้อมและสมบูรณ์ พร้อมที่จะไปเผชิญโลกภายนอก ไม่มีอะไรยากค่ะ เพราะเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำไปทุกอย่างเพื่อเขา และเชื่อว่าเจ้าตัวเล็กเขาก็น่าจะรับรู้ว่าสิ่งที่คุณแม่ทำไปนั้นเพราะคำว่ารักและเป็นห่วงเขามาก ดิฉันยังอดคิดไม่ได้เลย ถ้าวันที่ดิฉันไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้ว เขาร้องไห้ ดิฉันจะทำอย่าง คิดอยู่ในใจว่าสงสัยต้องเอาลูกกลับบ้านแน่นอนเพราะสงสารเขา แต่อย่างที่บอกคะว่าถ้าเราเตรียมความพร้อมทั้งตัวเราเองและตัวลูกเราก็จะไม่ต้องกังวลอะไรมากคะ


 

 

คอนโดแมว , พัดลมมือถือ , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย  , เก้าอี้หัดนั่ง


 

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น