ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Gifter Academy #เจ้าชายของเซอาร์

    ลำดับตอนที่ #30 : CHAPTER 24 : มาล่าสมบัติกันเถอะ! (ท้าทาย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.36K
      230
      28 เม.ย. 62

    CHAPTER 24 : มาล่าสมบัติกันเถอะ! (ท้าทาย)


        วันรุ่งขึ้นทุกคนไปรวมตัวกันที่อาคารขนาดใหญ่สีขาวฟ้า ด้านในมีเครื่องวาร์ปมากมาย มีหลายขนาดตั้งแต่เข้าได้คนเดียวยันเข้าได้เป็นสิบคน ตามจริงแล้วอุปกรณ์วาร์ปนั้นค่อนข้างหายากและมีราคาแพง แต่ก็สมเป็นสถาบันอันดับหนึ่ง เซนต์ไลโอเนลสามารถหามาได้อย่างง่ายดาย


        กิจกรรมครั้งนี้พวกเด็กปีหนึ่งได้เดินทางร่วมกับปีสอง แต่ถึงจะได้ทำงานร่วมกัน ทว่าการแข่งขันก็ตัดสินแยกตามระดับชั้นไป


        “อ่าวไง พวกปีหนึ่ง” เสียงๆหนึ่งกล่าวทักทาย


        “อ้าว สวัสดีค่ะรุ่นพี่”


        “สวัสดีครับ”


        เจ้าของเสียงคือเอลล่า สาวสวยสภาปีสอง เธอเดินมาพร้อมกับรุ่นพี่สภาปีสองคนอื่นๆ เชอรีนและลูเอลหันไปกล่าวทักทาย ส่วนเซอาร์และเจสันพยักหน้าให้เบาๆ พวกเขาพูดคุยกันเกี่ยวกับกิจกรรมพิเศษในครั้งนี้ เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นไม่น้อย


        “แล้วพวกเธอเตรียมตัวมาพร้อมกันหรือยัง” ริกเกอร์เอ่ยถามขัดบทสนทนา


        “แน่นอนค่ะ พวกเราฝึกมาพร้อมแล้ว”เชอรีนว่า เหล่ารุ่นพี่หันไปมองกันยิ้มๆ


        “ตอนปีหนึ่งพวกเราก็แบบนี้แหละน้า” เอลล่ากล่าว


        “เอ่อ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ”


        “เดี๋ยวพวกเธอก็รู้เองนั่นแหละ” ฮิวโกตัดบทสนทนา


        “ปีหนึ่งและปีสอง ต่อแถวกันเข้าวาร์ปได้เลยครับ”


        อาจารย์ท่านหนึ่งประกาศผ่านไมค์ นักเรียนปีหนึ่งและปีสองเดินไปต่อแถวเข้าเครื่องวาร์ป เครื่องวาร์ปที่เตรียมไว้นั้นมีทั้งหมดชั้นปีละ 4 เครื่อง และของคณะอาจารย์หรือบุคลากรพิเศษที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้อีกหนึ่งเครื่อง


        ปีหนึ่งและปีสองถูกวาร์ปมายังดันเจี้ยน 'ปราสาทเหมันต์’ ดันเจี้ยนระดับต่ำที่เหมาะสำหรับการฝึกของมือใหม่ เป็นดันเจี้ยนที่มีลักษณะเหมือนปราสาทขนาดใหญ่ที่ทำจากน้ำแข็ง มอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความหนาวเย็นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


        “หนาวอ่ะ”


        เซอาร์อดบ่นออกมาไม่ได้ เธอเอามือทั้งสองข้างถูกันแล้วกอดตัวเอง เด็กปีหนึ่งคนอื่นๆก็มีอาการไม่ต่างกัน บรรยากาศภายในดันเจี้ยนหนาวมากจริงๆ ยิ่งกับพวกเธอที่ไม่ได้ใส่ชุดกันหนาวอะไรมาเลยก็ยิ่งหนาว


        ครูนะครู ทำไมไม่ยอมเตือนกันก่อนบ้าง


        นักเรียนปีหนึ่งคิดขึ้นมาพร้อมกัน ตามองรุ่นพี่หยิบเสื้อกันหนาวออกมาสวม ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พวกเขาสามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมพร้อมรับมือ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็มีประสบการณ์เข้าดันเจี้ยนและได้ศึกษาการเตรียมตัวมาก่อน


        ที่รุ่นพี่พูด หมายถึงอย่างนี้นี่เอง


        น่าเจ็บใจที่พวกเธอไม่ทันระวัง ในคาบเรียนวางแผนของดุ๊กและวิชาศึกษาดันเจี้ยนพวกเธอก็มักถูกสอนให้รอรับมือกับสถานการณ์ต่างๆให้ดี ถูกสอนให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอๆ น่าเสียดายที่ปีหนึ่งไม่ทันฉุกคิดว่าควรเตรียมตัวอย่างไร


        ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ปีหนึ่งทุกปีต่างก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น


        มีแค่บางคนที่ไม่สะทกสะเทือนต่ออากาศหนาว ส่วนมากก็เป็นพวกถึกๆทนๆเท่านั้น ยังมีอีกคนที่น่าแปลกใจ จีซลสาวอ๊องของห้อง เธอดูไม่สะเทือนกับอากาศหนาวมากนัก แต่เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่ากิฟต์ของเธอเป็นอะไรที่เกี่ยวกับสายน้ำก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่


        พรึ่บ


        มาสะจุดไฟที่ฝ่ามือของเขาเพื่อคลายความหนาว เรียกสายตาของเพื่อนร่วมชั้นทันที พวกเขารีบพุ่งตัวไปกระจุกอยู่ที่มาสะ เขากวาดตามองอย่างรำคาญแต่ไม่มีใครสนใจ ความหนาวทำเอาความกลัวหายไปหมด สุดท้ายมาสะก็สร้างวงแหวนไฟรอบตัวของเขาเอง


        ด้วยพลังในตอนนี้แม้จะไม่สามารถสร้างวงแหวนเพลิงขนาดใหญ่มากได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยเว้นระยะห่างกับพวกซอมบี้หนีหนาวได้ เมื่อเห็นว่ามีกองไฟที่ขนาดใหญ่ขึ้น พวกเขาก็ไปรุมสุมไฟของมาสะกันยกใหญ่ โชคดีที่ไม่มีใรกล้าฝ่าปราการเพลิงของเขา ไม่งั้นคงโดนไฟของมาสะเผาไม่เหลือซากแน่ๆ


        “น่าสมเพชจังนะ” ดาร์เวียนกล่าวหน้านิ่งยามมองฝูงซอมบี้ เขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่เตรียมเสื้อกันหนาวมา คนอื่นๆหันมามองค้อนเขา


        “เชอะ! นายห็พูดได้นี่”ล็อตตี้หนึ่งในฝูงซอมบี้กล่าวประชดประชัน


        “นักเรียนทุกคนช่วยมารวมตัวกันตรงนี้!”


        เขาเป็นชายร่างเล็กผมสีเทา ดวงตาสีเหลือง ดูเหมือนเขาจะเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่รับผิดชอบดูแลนักเรียนของกิจกรรมครั้งนี้ ข้างๆเขาเป็นครูเรย์ ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์


        “ฉันชื่อแควนติน ไจโรคลอส เป็นอาจารย์วิชาพื้นฐานดันเจี้ยน รับหน้าที่อธิบายกฎของกิจกรรมครั้งนี้ให้ฟัง”


        “กิจกรรมครั้งนี้มีชื่อว่า ‘มาล่าสมบัติกันเถอะ’ อย่าถามว่าทำไมชื่อมันปัญญาอ่อนแบบนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนตั้ง ผอ.โรงเรียนเป็นคนตั้ง เข้าใจนะ” นักเรียนทุกคนใบ้กิน


        ผอ.โรงเรียนเป็นคนแบบไหนกันเนี่ยย


        “ก็ง่ายๆ แค่พวกนายต้องล่าชิ้นส่วนของสัตว์อสูรที่มีค่าที่สุด เลือกมาหนึ่งชิ้นแล้วนำมาส่งมอบให้กับพ่อค้าคาร์ล เขาจะเป็นคนประเมิณค่าสิ่งที่นายหามาได้เอง” แควนตินชี้ไปที่ชายหนุ่มที่กำลังสูบุหรี่อยู่ เขาเป็นชายร่างสูงผมขาว ดวงตาสีทอง


        “ขอบอกกฎการตีราคาก่อนละกัน ราคานั้นขึ้นอยู่กับความหายากและความสมบูรณ์ ต่อให้ของชิ้นนั้นหายากแค่ไหนแต่ถ้ามันสภาพเละจนใช้การไม่ได้ มันก็ไม่มีค่าอะไรหรอกนะ ดังนั้นเวลาจัดการจงคำนึงถึงคุณภาพสินค้าให้ดี ฉันจะไปรอที่แผงลอยสีดำนั่น” กล่าวจบเขาก็เดินไปที่แผงลอยสีดำ ทว่าวัสดุที่ใช้ทำแผงลอยของเขากลับดูออกเลยว่าทำมาจากของหายากที่มีคุณภาพ ทว่ากลับไม่มีสิ่งของวางอยู่บนแผงลอยของเขา เหมือนเขาตั้งให้เป็นพิธีเฉยๆอย่างไรอย่างนั้น


        “ห้ามใครคัดค้านคำตัดสินของเขา โปรดรู้เอาไว้ด้วยว่ากว่าทางโรงเรียนจะพาตัวเขามาได้มันยากแค่ไหน ทีมไหนที่มั่นใจว่าของที่ได้มีคุณภาพพอแล้วก็นำของไปให้เขาได้เลย ทีนี้ก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมได้แล้ว”


        นักเรียนทุกคนแยกย้ายกันไปทำกิจกรรม กลุ่มของเซอาร์เลือกที่จะประชุมกันก่อน


         “เราจะล่าตัวไหนกันดีล่ะ” เซอาร์เอ่ยถามคนอื่นๆ


         “เอาเป็นพวกบอสของดันเจี้ยนมั้ยครับ วัตถุดิบที่ได้จากบอสน่าจะมีราคามากที่สุด”


         “ตกลงตามนั้นค่ะ เรารีบหาบอสกันเถอะ”


         เชอรีนกล่าว ไม่ใช่ว่ามีแค่พวกเธอหรอกนะที่คิดจะล่าวัตถุดิบจากบอส ห้องเอคนอื่นๆก็เหมือนกัน ส่วนพวกห้องอื่นๆแม้จะมีความคิดที่เหมือนกัน แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถที่ใช้จัดการบอสได้ อีกทั้งยังโดนห่วงสะกดพลังแบบนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้


         เชอรีนเสกหุ่นขึ้นมาหนึ่งตัว กิฟต์ของเธอคือโรงละครหุ่นเชิด ซึ่งสามารถควบคุมหุ่นหรือสิ่งมีชีวิตได้ ปกติเธอจะคุมหุ่นได้ 2 ตัว ทว่าตอนนี้แค่ 1 ตัวก็เต็มกลืนแล้ว แถมมันยังตัวน้อยแค่เข่าเธออีกต่างหาก


         ระหว่างการตามหาบอส พวกเธอก็กำจัดสัตว์อสูรไปปพลาง เผื่อหาบอสไม่เจอจะได้มีวัตถุดิบไว้ใช้ แต่ก่อนเซอาร์แค่เดินผ่านพวกสัตว์อสูรก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้แล้ว แต่ตอนนี้การจะฉีกร่างของมันนั้นเธอต้องใช้พลังและสมาธิที่มากขึ้น


        เจสันก็พอๆกัน กิฟต์ของเขาคือ “อสูรแห่งภัยพิบัติ” เขาไม่สามารถจัดการอสูรระดับกลางในคราวเดียวได้อีกต่อไป อย่างน้อยก็ต้องใช้ซัก 2 - 3 หมัด หรือถ้าใช้กิฟต์อีกอันของเขา “หัตถ์แห่งอนันต์” ตอนนี้มันก็ทำได้เพียงการโจมตีจากกำปั้นเล็กๆน้อยๆเท่านั้น


        ลูเอลจึงเป็นคนที่ใช้กิฟต์ได้มีประโยชน์สูงสุด นั่นเพราะกิฟต์ของเขาเป็นสายซัพพอร์ต และเขายังมีสกิลสายสนับสนุนอีกมากมาย การมีอยู่ของลูเอลทำให้ทีมของพวกเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาช่างสมกับเป็นซัพพอร์ตเตอร์นัก


        ปัง ปัง ปัง


        เซอาร์ที่บัดนี้เอาของเล่นสุดที่รักอย่างร่มกุหลาบฟ้าออกมา ยิงใส่วิญญาณสีฟ้าสามตัวจนมันสลายไป ตั้งแต่การสอบครั้งนั้นเธอก็ไม่ได้หยิบมันออกมาใช้อีกเลย เธอใช้พลังประสานกับร่มทำให้เธอกลับมาบินได้อีกครั้ง ยามที่เธอถูกสะกดพลังแบบนี้ หากไม่ใช้ร่มหรืออุปกรณ์อื่นๆช่วย เธอก็ยากที่จะพยุงตัวอยู่ในอากาศนัก


        แน่นอนเธอตกเป็นจุดสนใจทันที


        “ควีนหรอนั่นน่ะ”


        “อย่างกับนางฟ้าเลย”


        “ฉันก็อยากบินได้บ้างจังน้าา”


        เซอาร์ที่บัดนี้ชินกับสายตาคนอื่นแล้วทำหน้าที่บินสำรวจให้กับเพื่อนร่วมทีม เธอมองเพื่อนร่วมห้องของเธอสู้กับเหล่าสัตว์อสูร มองเกรกที่รอบตัวของเขาต่างหยุดนิ่งจนเขาสามารถจัดการสัตว์อสูรได้ง่ายๆ มองออร์ก้าที่ใช้เคียวสีดำอันใหญ่กวาดคลื่นสัตว์อสูรจนลงไปกองกับพื้น มองแมทธิวที่เล่นไวโอลินจัดการสัตว์อสูร


        เพราะจัง


        เซอาร์หยุดฟังเล็กน้อยก่อนจะบินสำรวจต่อ ก่อนที่เสียงฮือฮาจะดังขึ้นเรียกความสนใจจากเซอาร์


        “ว้าวว ริรินก็บินได้เหมือนกันนี่นา”


        “ปีกของเธอสวยจัง”


        “อะไรๆ การแข่งขันระหว่างควีนกับริรินหรอ”


        สาวสวยอย่างริรินที่จู่ๆก็ฝืนตัวเองกางปีกบิน เรียกสายตาจากคนอื่นๆที่มองตามเซอาร์ให้หันไปมอง แต่เธอไม่สนใจใคร ริรินหันหน้ามาประชันสายตากับเซอาร์ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีไปจัดการอสูรตัวอื่นๆต่อ


        เซอาร์ไม่รู้ว่าสายตาที่ริรินมองมานั้นหมายความว่ายังไง แต่การที่ริรินละสายตาจากเธอแล้วหันไปจัดการอสูรสามตัวในคราวเดียว จากนั้นก็หันมามองเธอต่อมันทำให้เธอรู้สึก..


        ถูกท้าทาย


        สายตาของเซอาร์ประกายวาบ ฉับพลันสัตว์อสูรนับสิบรอบตัวเธอถูกฉีกกระชากไม่เป็นชิ้นดี แม้ภายนอกจะทำเหมือนเป็นเรื่องสบายๆแต่ภายในเธอก็เหนื่อยไม่น้อย แต่ถ้าทำเพื่อเอาชนะ เซอาร์ก็ไม่รู้สึกเสียดายพลังอีกต่อไป


       “สุดยอดดดด”


       “เก่งจัง สมกับเป็นควีนเลย”


       “รักนะครับควีน!”


       “เมื่อกี้ใครตะโกนบอกรักควีนยะ! มาเจอกับฉันหน่อยสิ!”


         แน่นอนว่าการที่เธอจัดการอสูรในคราวเดียวนับสิบตัวย่อมตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆอยู่แล้ว ท่ามกลางเสียงชื่นชมเซอาร์ยกยิ้มในใจ มองริรินที่ท้าทายเธอด้วยสายตานิ่งๆให้ความรู้สึกเหนือกว่า ก่อนจะบินกลับทีมอย่างลั้ลลาทั้งที่ในใจเหนื่อยแทบตาย


         ฮึ่ย แล้วอย่ามาท้าทายอีกนะ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว!


         ริรินบินลงทันทีที่เซอาร์กลับไป เธอถูกห้อมล้อมจากเพื่อนๆ ถูกชมที่สามารถจัดการสัตว์อสูรในคราวเดียวได้ถึง 3 ตัว และ..


        ถูกปลอบใจเรื่องที่ควีนสามารถทำได้เหนือกว่า


        ทำได้เพียงยิ้มรับคำชมและคำปลอบใจที่ไม่ต้องการ ในขณะที่ไม่มีใครสนใจเธอ ริรินหันไปมองทางที่เซอาร์บินจากไป เธอเม้มปากแน่นและมีแววตาที่ดูไม่สมกับเป็นริรินที่อ่อนโยน



    เมื่อพบเห็นคำผิด สามารถแจ้งเราได้นะคะ เราแต่งในมือถือแล้วลงคอมอีกที ไม่ได้เช็คคำผิดเลย

    ดังนั้นใครพบเห็นแล้วแจ้งจะเป็นการขอบคุณมากเลยค่ะ//โค้ง


    มุมตัวละคร

    เซอาร์ : ลูเอลช่วยด้วย

    ลูเอล : เป็นอะไรครับเซอาร์! โดนอะไรมา!(ถามหน้าตื่น)

    เซอาร์ : โดนท้าทาย

    ลูเอล : ...




        



    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×